กรุงเทพฯ--26 มี.ค.--ปภ.
รายงานขององค์การสหประชาชาติ ระบุว่า การขาดแคลนน้ำเป็นวิกฤตการณ์ธรรมชาติที่รุนแรงและส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของมนุษยชาติมากที่สุด “น้ำ” จึงเป็นปัญหาใหญ่ของคนทั่วโลก มิใช่เฉพาะประเทศไทย ที่มักประสบปัญหาขาดแคลนน้ำเป็นประจำทุกปีในช่วงฤดูร้อน และมีแนวโน้มว่าจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ขอแนะให้ทุกภาคส่วนร่วมกันใช้น้ำอย่างประหยัดและมีคุณค่า ดังนี้
ประชาชนทั่วไป ในการประกอบกิจกรรมเกี่ยวกับน้ำ ไม่ควรปล่อยน้ำไหลทิ้ง เพราะจะสิ้นเปลืองน้ำมากกว่าปกติ ควรใช้ภาชนะใส่น้ำแทนการล้างด้วยการปล่อยน้ำไหลจากสายยางโดยตรง ปิดก๊อกน้ำให้สนิททุกครั้ง และนำน้ำที่เหลือจากการใช้งานไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น เช่น รดน้ำต้นไม้ ทำความพื้น เป็นต้น หมั่นตรวจสอบจุดรั่วซึมของน้ำ โดยปิดก๊อกน้ำทุกตัวและจดมาตรวัดน้ำไว้ หากเลขมาตรวัดน้ำเปลี่ยนแปลงแสดงว่ามีน้ำรั่วซึม ควรซ่อมแซมทันที รวมทั้งติดตั้งอุปกรณ์เติมอากาศที่หัวก๊อกน้ำ ฝักบัว ชักโครก เพื่อช่วยเพิ่มแรงดันและลดปริมาณน้ำ
เกษตรกร หากยังพอมีน้ำในพื้นที่ควรเร่งซ่อมแซมคูน้ำให้แข็งแรง โดยนำกระสอบทรายมาเสริมเป็นคันกั้นน้ำ เพื่อกักเก็บน้ำได้มากขึ้น และป้องกันการพังทลายของคูน้ำในช่วงที่มีการส่งน้ำ หมั่นติดตามรับฟังสถานการณ์น้ำ และแผนการจัดสรรน้ำของจังหวัด เพื่อวางแผนการใช้น้ำให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เลือกเพาะปลูกพืชอายุสั้นที่ใช้น้ำน้อย งดเว้นการทำนาปรังนอกเขตพื้นที่ที่จังหวัดกำหนด อีกทั้งหลีกเลี่ยงการเผาตอซังและฟางข้าวให้ใช้วิธีฝังหรือไถกลบแทน เพราะจะทำให้ดินขาดความชุ่มชื้น ส่งผลให้สถานการณ์ภัยแล้งรุนแรงมากขึ้น
ภาคอุตสาหกรรม ประเมินสถานการณ์น้ำ เพื่อวางแผนการผลิตได้สอดคล้องกับสถานการณ์ และจัดหาแหล่งน้ำ สำรองไว้ใช้ในภาวะฉุกเฉิน หมั่นตรวจสอบระบบท่อส่งน้ำภายในโรงงาน หากชำรุดให้รีบซ่อมแซมทันที อีกทั้งติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดน้ำ และจัดกิจกรรมรณรงค์การใช้น้ำอย่างประหยัด
หากทุกภาคส่วนวางแผนการใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด และสอดคล้องกับสถานการณ์น้ำในพื้นที่ ที่ โดยปฏิบัติตนให้เป็นนิสัยที่เคยชินัครญี่ปุ่นอาวุโส (โดยปฏิบัติตนให้เป็นนิสัยและความเคยชิน ก็จะช่วยให้ประเทศไทยไม่ต้องประสบวิกฤตการณ์การขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูร้อนอีกอย่างแน่นอน