กรุงเทพฯ--16 พ.ย.--โฟร์ฮันเดรท
พินนาเคิล สตูดิโอ เวอร์ชั่น 10 นำเสนอความสามารถใหม่รองรับวิดีโอแบบความคมชัดสูง (HD Hi-definition) และการแสดงผลแบบเรียลไทม์ สำหรับนักตัดต่อวิดีทัศน์ ในระดับเริ่มต้นจนไปถึงผู้ใช้ระดับก้าวหน้า
บริษัท เอวิด เทคโนโลยี จำกัด ขอเสนอระบบตัดต่อวีดิทัศน์เวอร์ชั่นล่าสุด Pinnacle Studio เวอร์ชั่น 10 ซึ่งเป็นระบบตัดต่อวีดิทัศน์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในระดับผู้ใช้ตามบ้าน Studio เวอร์ชั่น 10 เปิดตัวพร้อมกัน 2 รุ่น — ในรุ่นธรรมดาสำหรับการตัดต่อและแบ่งปันเรื่องราวความประทับใจในรูปแบบวิดีโอที่ง่าย รวดเร็วและประทับใจ สำหรับแบ่งปันในครอบครัวและเพื่อนๆ สำหรับรุ่น Plus ซึ่งเพิ่มความสามารถสำหรับนักตัดต่อที่ต้องการความยืดหยุ่นและปรับตั้งค่าการใช้งานได้มากกว่า โดยมีความสามารถเพิ่มขึ้นถึงระดับมืออาชีพ
ผลิตภัณฑ์ทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับความสามารถใหม่ ๆ มากมาย โดยยังคงยึดหลัก สามขั้นตอน “Capture — จับภาพ”, “Enhance — ปรับแต่ง/แก้ไข” และ “Share - แจกจ่าย” ซึ่งทำให้ผลิตภัณฑ์ Pinnacle Studio เป็นผู้นำทางด้านระบบตัดต่อวีดิทัศน์สำหรับผู้ใช้ตามบ้าน เป็นอันดับหนึ่งของโลก
“ผู้ใช้งานทางดิจิทัลวิดีโอทั่วไป ไม่ได้ต้องการเพียงแค่ผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมและสวยงามเท่านั้น แต่เขาต้องการเก็บความทรงจำและแบ่งปันสิ่งประทับใจให้ผู้อื่นอีกด้วย และสิ่งสำคัญในเรื่องของเทคโนโลยี ซึ่งลูกค้าของ Pinnacle Studio เวอร์ชั่น 10 ได้รับเพิ่มคือความสามารถในการรองรับรูปแบบของวิดีโอได้หลากหลายมากขึ้น เช่นวิดีโอความคมชัดสูงในแบบ HDV (Hi-Definition Video) ในขณะเดียวกันก็ยังคงได้รับความง่ายในการใช้งาน นั่นคือสิ่งที่ผู้ใช้ของ Pinnacle ทราบเป็นอย่างดี สำหรับเวอร์ชั่น Plus มาพร้อมกับ เอฟเฟค และ ทรานซิสชั่นใหม่ ๆ ให้ผู้ใช้สร้างผลงานในระดับเทียบเท่า Hollywood Block Buster เลยทีเดียว” Jeff Hasting, ผู้จัดการทั่วไปของ Pinnacle กล่าว
คุณสมชัย สิทธิชัยศรีชาติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะตัวแทนจัดจำหน่ายในประเทศไทย ได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “สินค้าในกลุ่ม Studio ของ Pinnacle มีชื่อเสียงมากมาตลอดในเรื่องของความง่ายในการใช้ และคุณภาพของงานที่ได้ ซึ่งทำให้เป็นหนึ่งในโปรแกรมตัดต่อวีดีโอที่ได้รับความนิยมสูงสุด เพราะผู้ที่สนใจในงานตัดต่อวีดีโอสามารถเรียนรู้ที่จะตัดต่อได้ภายในเวลาไม่มาก ในขณะที่สามารถตัดต่อให้ได้ผลงานระดับอาชีพ และ Version 10 ซึ่งเป็น version ล่าสุดนี้ ได้รับการพัฒนาให้เหนือชั้นขึ้นไปอีกหลายด้าน ที่เด่นที่สุดในทัศนะของผม น่าจะเป็นความสามารถในด้าน real time ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถจะดู effect ต่าง ๆ ได้ในทันที ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้อีกมาก ความสามารถในเรื่องนี้ พร้อมกับด้านอื่น ๆ อีกหลายด้าน เกิดจากการที่ Pinnacle ได้นำโปรแกรมระบบตัดต่อระดับอาชีพที่ Pinnacle มีอยู่มาเป็นฐานของโปรแกรม Studio 10 แต่ปรับเปลี่ยนการใช้งานให้ง่ายขึ้น เพื่อให้เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่ต้องการเสียเวลาเรียนรู้การใช้งาน ซึ่งทำให้ Studio 10 นี้ เป็นโปรแกรมที่ยังคงยึดถือแนวทางการใช้งานที่ง่ายแต่ผลงานที่ได้ มีคุณภาพสูงขึ้นไปอีก”
Studio version 10
Studio version 10 มาพร้อมกับความสามารถในการประพันธ์แผ่น ดีวีดี พร้อมทั้งทำเมนู ดีวีดี กราฟฟิคแบบเคลื่อนไหวได้ในตัวเอง และยังมีความสามารถในการทำแพน และ ซูม ภาพ ทำให้การสร้าง สไลด์โชว์ ดูสวยงามและโดดเด่น ได้อย่างง่ายดายจากภาพถ่ายดิจิทัลทั่วไป ด้วยความสามารถของ Smart Movie II ผู้ใช้สามารถสร้างโฮมวิดีโอ ได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที โดยการเลือกรูปแบบ สไตล์ และกดปุ่มเพียงไม่กี่ครั้ง ก็จะได้วิดีโอที่แสนประทับใจ และยังสามารถดูผลงาน และใส่เอฟเฟคต่างๆ ได้ในแบบเรียลไทม์ และความสามารถในการจัดการเกี่ยวกับวิดีโอ ภาพถ่าย เสียง และเพลงต่าง ๆ โดยวิธีการลากและวาง ผ่านทางโปรแกรม Pinnacle Media Manager
Studio version 10 Plus
Studio version 10 Plus เพิ่มเติมความสามารถที่มีอยู่ในรุ่นธรรมดา ให้มีความพิเศษเพิ่มยิ่งขึ้น สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความหลากหลายในการทำงาน และต้องการสร้างสรรค์ผลงานให้พิเศษเพิ่มมากขึ้น โดยความสามารถที่เพิ่มเติมจากปกติก็คือ ความสามารถในการซ้อนภาพ (PIP — Picture in Picture), การซ้อนภาพแบบตัดฉากหลัง (Chroma Key Effect) และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการรองรับการตัดต่อวิดีโอแบบความคมชัดสูง HD, สามารถสร้างสไลด์โชว์แบบแบบความคมชัดสูงได้จากภาพถ่ายปกติ ผู้ใช้งานสามารถปรับตั้งค่า คีย์เฟรม ในการทำเอฟเฟคต่าง ๆ ได้อย่างละเอียด สามารถดูผลภาพจากการใส่เอฟเฟคได้แบบเวลาจริง (Real Time) เลือกเอฟเฟคต่างๆ ซึ่งมีมาให้มากกว่าร้อยแบบ สามารถใช้งานกับเอฟเฟคต่าง ๆ โดยไม่จำกัด ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอแบบมารตฐานทั่วไป หรือแบบความคมชัดสูง (SD —HD) และสิ่งที่พิเศษเพิ่มเติมคือสามารถพรีวิวผลงานแบบเต็มจอในขณะทำงานผ่านจอภาพคอมพิวเตอร์ตัวที่สองได้
สำหรับสินค้าที่จัดจำหน่ายในประเทศไทย จะมีทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกันคือ
1. Studio Plus 10 PCI ซึ่งเป็นการ์ดแบบติดตั้งภายในตัวเครื่องพีซีพร้อม Blue Box วางจำหน่ายในราคา 9,540 บาท
2. Studio Plus 10 USB เชื่อมต่อผ่าน USB 2.0 วางจำหน่ายในราคา 10,990 บาท
3. Studio 10 500 USB เชื่อมต่อผ่าน USB 2.0 วางจำหน่ายในราคา 6,800 บาท
ซึ่งหลังจากซื้อสินค้าไปแล้ว เอสไอเอสฯ จะจัดให้มีการอบรมการใช้งานฟรี 4 ชั่วโมงอีกด้วย ส่วนผู้ที่สนใจจะทดลองใช้ แต่ยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถตัดต่อวิดีโอได้หรือไม่ ก็สามารถสมัครเข้ารับการอบรมในราคาพิเศษ 500 บาท และหลังการอบรม หากลูกค้าซื้อสินค้าพินนาเคิล ประเภทการ์ดตัดต่อทุกรุ่น จะได้รับส่วนลด 500 บาท คืนกลับทันที ผู้สนใจติดต่อได้ที่ แผนกไดเร็คท์ มาร์เก็ตติ้ง โทร. 02-640-3003 อีเมล์ directmarketing@sisthai.com
นำเสนอข่าวประชาสัมพันธ์ โดย บริษัท โฟร์ฮันเดรท จำกัด
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่คุณ สิทธิกร เสงี่ยมโปร่ง 01-913-1291 หรือ 02-510-5514-5--จบ--