กรุงเทพฯ--30 มี.ค.--บ้านพีอาร์
วันนี้น้อง ๆ โรงเรียนอนุบาลกุ๊กไก่ชวนไปเที่ยวนอกรั้วโรงเรียน ตามเสียง ปู๊น ปู๊น เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ที่น่าตื่นเต้น ในการเรียนรู้แบบโครงการ Project Approach ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยหัวข้อที่จะตามไปชมกันวันนี้เป็นโครงการเรื่อง “รถไฟ” ของนักเรียนชั้น อนุบาล 1/4 ที่ไม่ธรรมดาแน่นอน
การเรียนรู้แบบ “Project Approach” ของเด็กๆ จะเริ่มจากการนำประสบการณ์เดิมของตัวเองที่มีอยู่มาเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับหัวข้อที่น่าสนใจกันก่อน แล้วหลังจากนั้นค่อยออกไปสำรวจสืบค้นนอกโรงเรียนด้วยตัวเอง ซึ่งเด็กๆ ได้เรียนรู้ลงมือทำการศึกษาสิ่งต่างๆ ด้วยตนเองเพื่อให้มีประสบการณ์ตรงกับสิ่งที่ต้องการเรียนรู้ และเพิ่มความสนใจให้กับเด็กๆ มากยิ่งขึ้น รวมทั้งสร้างความสนุกสนานตื่นเต้นไปกับการเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว ซึ่งเด็ก ๆ ทุกคนในโรงเรียนอนุบาลกุ๊กไก่จะเริ่มต้นการเรียนรู้แบบ Project Approach ตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2551 — 30 มกราคม 2552
ก่อนที่จะลงมือทำการสืบค้นเรื่องนี้เด็ก ๆ ได้ตั้งคำถามที่สงสัยเกี่ยวกับรถไฟบ้างก็ถามว่า ทำไมรถไฟต้องมีราง ? ทำไมรถไฟถึงไปได้ ? ทำไมรางรถไฟต้องมีก้อนหิน ? เป็นต้น น้อง ๆ คนไหนที่มีคำตอบจากประสบการณ์เดิมที่มีอยู่แล้วก็สามารถตอบคำถามนั้นได้ทันที แต่ถ้ายังมีข้อสงสัยอื่นๆ ที่ยังหาคำตอบไม่ได้ คุณครูจะให้น้องๆ สืบค้นจากการดูภาพรถไฟจากหนังสือ รถไฟในห้อง ภาพถ่ายรถไฟ คุณครูได้จัดเตรียมสิ่งต่าง ๆ ที่เด็ก ๆ ต้องการสืบค้น รวมทั้งส่วนประกอบต่าง ๆ ของรถไฟตามความสนใจของเด็ก ๆ และประวัติความเป็นมาของรถไฟ และเมื่อได้คำตอบแล้วเด็ก ๆ ก็จะนำมาเล่าสู่กันฟังและร่วมกันแสดงความคิดเห็นในห้องเรียน
ในสัปดาห์ที่สองของการเรียนรู้ ถึงเวลาที่เด็ก ๆ ได้ออกไปสืบค้นเรื่องราวของรถไฟกันอย่างจริงจัง โดยครั้งนี้คุณครูประจำชั้นได้พาไปทัศนศึกษา ณ หอเกียรติภูมิรถไฟ สวนจตุจักร น้องซีซี — ด.ช.ณัฐดนัย เลิศฤทธิ์เดชา เล่าให้ฟังว่า เมื่อไปถึงที่ได้เจอกับ คุณตาตุ้ย เป็นผู้นำชมหอเกียรติภูมิรถไฟ สิ่งแรกที่คุณตาพาไปทำก็คือ พาไปไหว้ทำความเคารพรูปปั้นของรัชกาลที่ 5 จากนั้นก็พาเดินสำรวจ รถโยก รถไฟ รถราง รางรถไฟ ล้อรถไฟ น้องซีซี ยังบอกกับเราอีกว่า หัวจักรไอน้ำอันแรกชื่อว่า ร็อกเก็ต และรถไฟวิกตอเรีย
เป็นรถไฟคันแรกของไทยอีกด้วย ยังไม่พอเด็ก ๆ ได้เดินสำรวจรางรถไฟเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งอยู่ภายในหอเกียรติภูมิรถไฟ และลองขึ้นไปนั่งบนรางเพื่อจะเปรียบเทียบกับรถไฟจริง
ถัดมาอีกหนึ่งสัปดาห์คุณครูพาเด็ก ๆ ไปทัศนศึกษาวิธีการโดยสารรถไฟด้วยการไปนั่งรถไฟเพื่อสัมผัสประสบการณ์จริงที่สถานีรถไฟคลองตันและสถานีรถไฟหัวหมาก ทำให้บรรยากาศที่สถานีคลองตันวันนั้นเต็มไปด้วยความสนุกสนาน และความตื่นเต้นของเด็ก ๆ บางคนที่ยังไม่เคยขึ้นรถไฟมาก่อน “น้องข้าวปั้น หรือ ด.ช. ณฤทธิ์ อนันต์เวทยานนท์” เล่าประสบการณ์การขึ้นรถไฟครั้งแรกในชีวิตว่า ข้าวปั้นได้ขึ้นรถไฟฟรีด้วยครับ แต่เราต้องไปเอาตั๋วที่ห้องขายตั๋วก่อน พอขึ้นไปบนรถไฟเราต้องหาที่นั่ง และต้องไม่ยื่นแขนหรือหัวออกนอกหน้าต่าง บนรถไฟมีคนขายไข่นกกระทา หมูทอด เขาขายคนมีตังค์แต่ข้าวปั้นไม่ได้เอาตังค์ไป อดทานเลย ว้า...คราวหน้าอย่าลืมขอเงินคุณแม่มานะจ๊ะ ในวันนั้นรถไฟมาช้าเนื่องจากมีการซ่อมแซมรางรถไฟ ทำให้เด็ก ๆ ได้เห็นเจ้าหน้าที่ตรวจรางรถไฟนั่งรถตรวจราง และวางก้อนหินซ่อมรางรถไฟ ซึ่งคุณลุงเจ้าหน้าที่ใจดีให้เด็ก ๆ ขึ้นไปนั่งถ่ายรูปบนรถตรวจด้วย
ที่สถานีรถไฟหัวหมากปลายทางของการทัศนศึกษาในวันนี้ เด็ก ๆ มีคำถามที่เตรียมไว้ถามนายสถานีในเรื่องที่สงสัยเกี่ยวกับรถไฟมากมาย ซึ่งเจ้าหน้าที่นายสถานีได้ใจดีเปิดห้องควบคุมเส้นทางการจราจรรถไฟที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการดูแลพร้อมกับอธิบายและบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับรถไฟ ไม่ว่าจะเป็นประวัติความเป็นมาและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ควบคุมรถไฟ ซึ่งเด็ก ๆ ให้ความสนใจและถามคำถามกันอย่างสนุก พร้อมทั้งยังได้ทดลองใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ กันอย่างสมจริง เหมือนได้เป็นคนควบคุมรถไฟเลยทีเดียว นอกจากนี้เด็ก ๆ ยังได้ชมอุปกรณ์ควบคุมรถไฟแบบเก่า หรือที่เรียกว่า ห่วงทางสะดวก ที่ใช้เป็นสัญญาณบอกทางในการเดินรถไฟ ทั้งนี้นายสถานีผู้ใจดียังให้เด็ก ๆ ได้สำรวจเครื่องออกแผ่นลูกตาทางสะดวกอีกด้วย
ก่อนสัปดาห์สุดท้ายของการเรียนรู้ผู้ปกครองของน้องข้าวปั้น ได้ติดต่อเชิญคุณพรชลิต ครุฑเมืองหรือพี่บอมสุดหล่อ และทีมงานผู้เชี่ยวชาญเรื่องรถไฟจากเว็บไซต์ www.rotfaithai.com มาเป็นวิทยากร อธิบายให้เด็ก ๆ ฟังเกี่ยวกับรถไฟ โดยมีการนำโมเดลจำลองรถไฟชนิดต่าง ๆ พร้อมรางรถไฟ มาสาธิตวิธีการเดินรถไฟ การสับราง การเชื่อมต่อขบวนรถไฟ ซึ่งเด็ก ๆ ใจจดใจจ่อรอชมกันอย่างตื่นเต้น นอกจากนี้เด็ก ๆ ยังได้ทราบถึงความแตกต่างของรถไฟชนิดต่าง ๆ เช่น รถไฟบรรทุกน้ำมันขบวนจะมีสีดำ ถ้าบรรทุก
ก๊าซจะมีสีขาว เป็นต้น และที่สำคัญพี่บอมได้เฉลยสิ่งที่เด็ก ๆ สงสัยมาตลอดว่าทำไมรถไฟถึงอยู่บนรางได้ นั่นก็เพราะมีครีบอยู่บริเวณล้อรถไฟ ทำให้ล้อไม่เลื่อนหลุดออกจากรางนั่นเอง
สัปดาห์สุดท้ายของการเรียนรู้ ซึ่งเป็นการเรียนรู้ระยะที่ 3 คือ ระยะสรุป เด็ก ๆ จะได้ร่วมกันสรุปถึงสิ่งต่างๆ ที่เด็ก ๆ สงสัยและร่วมกันจัดนิทรรศการภายในห้องให้ได้ชมกัน โดยกิจกรรมที่เด็ก ๆ ทำคือ ทำบัตรเชิญเพื่อเชิญชวนบุคคลต่าง ๆ มาชมนิทรรศการรถไฟ ทำของที่ระลึกแจกผู้เข้าชมงาน และแบ่งหน้าที่ในการจัดมุมห้องต่าง ๆ รวมทั้งทบทวนความรู้เกี่ยวกับรถไฟ เพื่อเตรียมเล่าให้ผู้ชมนิทรรศการฟัง และแน่นอนว่าสร้างความประทับใจสำหรับคุณพ่อคุณแม่และผู้ที่มาเข้าชมเป็นอย่างยิ่ง ว่าแล้วก็ต้องขอตัวไปนั่งรถไฟย้อนอดีตก่อนนะครับ ไม่ได้นั่งรถไฟมาสิบกว่าปีแล้ว มาชมนิทรรศการรถไฟของน้อง ๆ อนุบาล 1/4 โรงเรียนอนุบาลกุ๊กไก่แล้วชวนให้นึกถึงเสน่ห์ของรถไฟไทยอีกครั้ง...
สื่อมวลชนสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
คุณปิยวรรณ อนันต์เวทยานนท์ (เอ๋) 081 9441972
ประชาสัมพันธ์โรงเรียนอนุบาลกุ๊กไก่
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 022929383 บ้านพีอาร์