บ้านปูฯ แถลงผลประกอบการไตรมาส 3 มีกำไรสุทธิ 884 ล้านบาท คาดรายได้ทั้งปียังคงอยู่ที่ 3 หมื่นล้านบาท

ข่าวทั่วไป Tuesday November 14, 2006 10:02 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--บ้านปู
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) แถลงผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ประจำปีงบประมาณ 2549 (1 กรกฎาคม 2549 — 30 กันยายน 2549) มีกำไรสุทธิจำนวนทั้งสิ้น 884 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 796 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 47 เป็นผลจากกำไรของธุรกิจหลักที่ลดลง เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นโดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซล ประกอบกับค่าใช้จ่ายด้านภาษีส่งออกถ่านหินของบริษัทฯ รวมทั้งค่าใช้จ่ายจากการบริหารสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนต่ำในประเทศอินโดนีเซีย
ในไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 884 ล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 10 จากไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ เป็นผลจากปริมาณขายถ่านหินและราคาขายเฉลี่ยที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน กำไรจากธุรกิจถ่านหินได้ปรับตัวลดลงอย่างชัดเจน เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นโดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซล รวมทั้งค่าใช้จ่ายด้านภาษีส่งออกถ่านหินซึ่งได้มีการประกาศระงับการจัดเก็บเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2549 และค่าบริหารจัดการสำหรับการปิดเหมืองใต้ดินที่เหมืองคิทาดิน-เอ็มบาลุต ดังนั้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิจึงลดลง 796 ล้านบาท หรือร้อยละ 47
บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวมในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา จำนวน 8,441 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 933 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 12 เนื่องจากปริมาณการขายถ่านหินที่เพิ่มขึ้น และจากการรวมงบการเงินของธุรกิจไฟฟ้าในสาธารณรัฐประชาชนจีน ทั้งนี้แบ่งเป็นรายได้จากการจำหน่ายถ่านหินจำนวน 7,608 ล้านบาท หรือร้อยละ 90.13 ของรายได้จากการขายรวม ซึ่งมาจากรายได้จากการขาย ถ่านหินจากแหล่งผลิตในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย 7,203 ล้านบาท และจากแหล่งถ่านหินในประเทศไทย 405 ล้านบาท สำหรับรายได้จากธุรกิจไฟฟ้าและไอน้ำมีจำนวน 810 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 9.6 ของรายได้จากการขายรวม ส่วนรายได้อื่นๆ มีจำนวน 23 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.27 ของรายได้จาการขายรวม
สำหรับปริมาณขายถ่านหินในไตรมาสที่ 3 มีจำนวน 5.31 ล้านตัน โดยมีปริมาณขายของเหมือง ทรูบาอินโด ในอินโดนีเซียที่เริ่มเปิดดำเนินการ จำนวน 1.08 ล้านตัน ใน 3 ไตรมาสที่ผ่านมาของปีนี้ บริษัทฯ สามารถผลิตถ่านหินได้จำนวนทั้งสิ้น 15.2 ล้านตัน โดยคาดว่าในปีนี้บริษัทฯ จะสามารถผลิต ถ่านหินได้ประมาณ 21 ล้านตัน และคาดว่ารายได้จากการขายรวมในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ส่วนราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของบริษัทฯ ประจำไตรมาส 3 เท่ากับ 36.6 เหรียญ
สหรัฐต่อตัน ในขณะที่ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยทั้งปีคาดว่าจะอยู่ที่ 35 เหรียญสหรัฐต่อตัน
“ในปีหน้าบริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์จากปริมาณสำรองถ่านหิน ที่มีอยู่ ซึ่งเป็นกลยุทธ์การเติบโตที่ใช้เงินลงทุนต่ำและสามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดท่ามกลางสภาวะแวดล้อมของอุตสาหกรรมถ่านหินในปัจจุบัน ในปีหน้าเหมืองทรูบาอินโดซึ่งเป็นแหล่งถ่านหินคุณภาพสูงจะขยายการผลิตเพิ่มขึ้น ในขณะที่เหมืองอินโดมินโค-บอนตัง ซึ่งเป็นเหมืองถ่านหินที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทฯ ในปัจจุบัน กำลังดำเนินการศึกษาด้านวิศวกรรมในการผันปริมาณสำรองที่มีอยู่เพื่อประโยชน์เชิงพาณิชย์ให้มากขึ้น ส่วนแหล่งถ่านหินในประเทศไทยนั้นปริมาณการผลิตจะลดน้อยลงจากปริมาณสำรองถ่านหินที่ใกล้จะหมดลง ดังนั้นในปีหน้าปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นของถ่านหินคุณภาพสูงจะทดแทนการลดลงของถ่านหินในประเทศไทยและทำให้คุณภาพถ่านหินของบริษัทฯ โดยรวมสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ คาดว่าปริมาณการผลิตถ่านหินโดยรวมจะไม่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นนักจากปีนี้” นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าว
บ้านปูฯ เป็นหนึ่งในบริษัทพลังงานชั้นนำของเอเชียที่มีฐานการผลิตใน 3 ประเทศ คือ ไทย อินโดนีเซีย และ จีน โดยฐานะการเงินของบริษัทฯ ณ วันที่ 30 กันยายน 2549 มีสินทรัพย์รวมจำนวน 44,281 ล้านบาท และมีหนี้สินรวมจำนวน 24,380 ล้านบาท อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนของบริษัทฯ ณ วันที่ 30 กันยายน 2549 เท่ากับ 0.69 เท่า เทียบกับ 0.34 เท่า ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ
คุณเหมือนฝัน เชื้อเอี่ยม
ฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน)
โทร 02 — 694-6783
แฟกซ์ 02- 207-0697

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ