กรุงเทพฯ--31 มี.ค.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์
จังหวัดกาญจนบุรี ชวนทุกจังหวัดที่มีพื้นที่ปลูกอ้อยรณรงค์เกษตรกรลดการเผาอ้อย หลังประสบความสำเร็จลดอ้อยไฟไหม้เหลือไม่ถึง 20% ด้านผู้ประกอบการโรงงานน้ำตาล ร่วมด้วยช่วยอีกแรง จับมือกันรณรงค์ หวังช่วยลดปัญหามลพิษและภาวะโลกร้อน พร้อมเพิ่มมาตรการจูงใจ ถ่างราคารับซื้อระหว่างอ้อยสดกับอ้อยไฟไหม้ให้กว้างขึ้นอีก
นายบุรินทร์ รุ่งมณี รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งถือเป็นจังหวัดที่มีการปลูกอ้อยมากเป็นอันดับหนึ่งของประเทศสามารถลดปัญหาการเผาอ้อยได้อย่างต่อเนื่องจากความร่วมมือกับทุกภาคส่วนทั้งหน่วยงานภาครัฐ ผู้ประกอบการโรงงานน้ำตาล และเกษตรกร โดยมีสัดส่วนอ้อยไฟไหม้เข้าโรงงานเหลือไม่ถึง 20% จากอดีตที่มีสัดส่วนอ้อยไฟไหม้สูงถึงกว่า 60%
“จากสถิติอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี ปัจจุบันสัดส่วนอ้อยไฟไหม้เข้าโรงงานไม่ถึง 20% จากปริมาณอ้อยที่เข้าโรงงานรวมกว่า 7-8 ล้านตันต่อปี ซึ่งเป็นตัวเลขที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง จากฤดูการผลิตปี 2548/2549 มีอ้อยไฟไหม้ 43% ฤดูการผลิตปี 2549/2550 มีสัดส่วนลดลงเหลือ 39% และฤดูการผลิตปี 2550-2551 มีสัดส่วนไม่ถึง 30%” นายบุรินทร์กล่าว
สำหรับการเผาอ้อยนั้นไม่ใช่เป็นปัญหาในระดับท้องถิ่นหรือจังหวัด แต่ถือเป็นปัญหารุนแรงระดับประเทศ ส่งผลกระทบมากมายทั้งสภาพแวดล้อมที่เสียสมดุล มลพิษในอากาศ และเป็นสาเหตุให้ราคาอ้อยขายได้ในราคาต่ำส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ จึงอยากเชิญชวนกว่า 50 จังหวัดที่มีพื้นที่ปลูกอ้อยเร่งลดปัญหาการเผาอ้อยอย่างเร่งด่วน ซึ่งการแก้ไขปัญหาให้ได้ผลจำเป็นจะต้องกำหนดมาตรการและการใช้กฎหมายบังคับโดยเข้มงวด
“ปัญหาการเผาอ้อยไม่ใช่แค่ระดับท้องถิ่นแล้วแต่เป็นปัญหาระดับชาติที่ทุกคนต้องช่วยกัน ทั้งภาครัฐที่ต้องส่งเสริมในเรื่องของการสนับสนุนเครื่องจักร ผู้ประกอบการโรงานน้ำตาลและเกษตรกรต้องร่วมวางแผนในการตัดอ้อยและส่งเข้าโรงานอย่างเป็นระบบ” รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าว
นายชลัช ชินธรรมมิตร์ ประธานคณะทำงานด้านอ้อยและประสิทธิภาพในการผลิตน้ำตาล บริษัท ไทยชูการ์ มิลเลอร์ จำกัด (TSMC) เปิดเผยว่า ปัญหาการเผาอ้อยก่อนตัด หรือที่เรียกว่า “อ้อยไฟไหม้” ก่อให้เกิดมลพิษในอากาศสูง ซึ่งปัญหานี้เกิดขึ้นมากว่า 10 ปีแล้ว แต่ทวีความรุนแรงอย่างมากในช่วง 5 - 6 ปีที่ผ่านมา และมีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน
นอกจากการเผาอ้อยจะทำให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมดังกล่าวแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อน้ำหนักและคุณภาพความหวานของอ้อยที่ส่งเข้าโรงงาน ซึ่งถือเป็นปัญหาอย่างรุนแรงในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย เนื่องจากทำให้ผลผลิตอ้อยและน้ำตาลลดลงอย่างมาก ซึ่งผู้ที่สูญเสียประโยชน์โดยตรงก็คือ เกษตรกรนั่นเอง
ดังนั้นบริษัท ในฐานะโรงงานน้ำตาลที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายของประเทศไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ช่วยกันรณรงค์หาแนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหาในส่วนของความร่วมมือระหว่างโรงงานน้ำตาลด้วยกัน คือ การรณรงค์ให้เกษตรกรลดการเผาอ้อยอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งการให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องถึงผลเสียจากการเผาอ้อย ทั้งในระดับปัญหาสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงมีมาตรการจูงใจในเรื่องของราคารับซื้อเพื่อเพิ่มช่องว่างราคาระหว่างอ้อยไฟไหม้และอ้อยสด
“นอกจากการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ชาวไร่ถึงโทษจากการเผาอ้อยแล้ว เรื่องของมาตรการจูงใจก็เป็นส่วนสำคัญยิ่ง โดยปัจจุบันอ้อยที่ส่งเข้าโรงงานถ้าเป็นอ้อยไฟไหม้ หรืออ้อยที่ชาวไร่เผาจะถูกตัดราคาตันละ 20 บาท แต่ถ้าอ้อยสดจะมีราคาเพิ่มขึ้นจากราคาที่รับซื้อปกติประมาณตันละ 50 บาท คาดว่า ปีหน้าจะเพิ่มเป็น 80 บาท ถือว่า ได้โบนัสจากการไม่เผาอ้อย เป็นการเพิ่มช่องว่างราคาอ้อยไฟไหม้กับอ้อยสดให้สูงขึ้น”นายชลัชกล่าว
ขณะที่ในส่วนของภาครัฐเองถือเป็นหน่วยงานที่มีส่วนสำคัญและมีประสิทธิภาพที่สุดในการแก้ไขปัญหาอ้อยไฟไหม้ ทั้งมาตรการควบคุม คือ การใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด และมาตรการให้การช่วยเหลือ คือ การปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้แก่เกษตรกรในการซื้อเครื่องตัดอ้อย รวมถึงปัญหาแรงงานที่ยังขาดแคลน
นายชลัช กล่าวด้วยว่า หากทุกภาคส่วน ทั้งเกษตรกร โรงงานน้ำตาล และรัฐบาลร่วมมือกันอย่างเต็มรูปแบบแล้ว มั่นใจว่า สัดส่วนอ้อยไฟไหม้จะลดลง โดยคาดหวังว่าภายใน 5 ปี สัดส่วนอ้อยไฟไหม้จะเหลือไม่ถึง 30% จากปัจจุบันมีสูงถึง 60% และถือเป็นการแสดงให้โลกได้เห็นว่า ประเทศไทยมีความตั้งใจจริงในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งถ้าทั้งโรงงานและชาวไร่ไม่ร่วมมือกันตั้งแต่ตอนนี้ อนาคตผลผลิตน้ำตาลที่เกิดขึ้นอาจถูกกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศ เป็นการทำลายการส่งออกน้ำตาลของไทยนับเป็นมูลค่าหลายหมื่นล้านบาทได้
เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์โดยบริษัท มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์
ในนามบริษัท ไทยชูการ์ มิลเลอร์ จำกัด
รายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ
พงศกร แจ้งประภากร (ก้อง) โทร. 0-2612-2081-2 ต่อ 14 หรือ 08-5218-7999
วารุณี คำไชย (แนน) โทร. 0-2248-7967-8 ต่อ 26 หรือ 08-1496-6762