กรุงเทพฯ--31 มี.ค.--คต.
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) เปิดเผยว่า การค้าระหว่างไทยกับจีนในปี 2551 มีมูลค่าทั้งสิ้น 36,486.35 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ 8.89 โดยจีนเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญอันดับที่ 2 รองจากญี่ปุ่น ไทยส่งออกมูลค่า 16,215.78 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.87 และนำเข้าจากจีนมีมูลค่า 20,270.57 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.24
กรมการค้าต่างประเทศได้ออกหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า (Form E) สำหรับใช้สิทธิลดภาษีนำเข้าจากจีนจำนวน 48,539 ฉบับ เป็นมูลค่า 1,690.56 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 44.78 สำหรับสินค้าส่งออกที่ใช้สิทธิ FTA มาก ได้แก่มันสำปะหลัง ยางผสมอื่นๆ น้ำมันก๊าด โพลิคาร์บอเน ปิโตรเลียมบิทูเมน และผลไม้สด เช่น ทุเรียน ฝรั่ง มังคุด ลำไย เป็นต้น ส่วนสินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ ส่วนประกอบของเครื่องจักร โทรศัพท์ไร้สาย เครื่องประมวลผลแบบดิจิตัล เงินแท่ง เป็นต้น ซึ่งสินค้าที่ไทยนำเข้าเหล่านี้จีนได้รับประโยชน์จาก FTA ไม่มาก เนื่องจากอัตราภาษี FTA เท่ากับอัตราภาษีปกติ (MFN) ซึ่งอยู่ในระดับร้อยละ 0-1 แต่จะเป็นประโยชน์สำหรับไทยเพราะเป็นสินค้าประเภทนำเข้ามาใช้ในการผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่าในการส่งออก
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลจากการทำ FTA อาเซียน-จีน ไทยได้รับประโยชน์ในกลุ่มสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตรมากที่สุด ซึ่งประเมินได้จากการขอหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ถึงแม้ไทยจะเป็นฝ่ายขาดดุลการค้าแต่คาดว่าแนวโน้มการขาดดุลจะลดลง เนื่องจากตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 สินค้าทั้งหมดประมาณร้อยละ 90 ของจีนจะลดภาษีเหลือ 0% และในโอกาสนี้อยากขอเชิญชวนผู้ประกอบการให้มาใช้สิทธิให้มากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มการขยายตัวสูง เช่น ผลิตภัณฑ์ แป้งมันสำปะหลัง ผลิตภัณฑ์ยางโพลิคาร์บอเนต อุปกรณ์ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ หรือ สินค้าเกษตรและเกษตรอุตสาหกรรมแปรรูป เป็นต้น
ทั้งนี้ ผู้ส่งออกที่ประสงค์จะขอใช้สิทธิ FTA ส่งออกไปจีน สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วน 1385 กรมการค้าต่างประเทศ หรือ http://www.dft.go.th รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อที่สำนักสิทธิประโยชน์ทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ โทร. 02 547 4771-86 ต่อ 4759 โทรสาร02 547 4816 หรือ e — mail : tpdft@mocnet.go.th