กรุงเทพฯ--7 เม.ย.--ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป
ธุรกิจแฟรนไชส์ดูจะเป็นเครื่องมือที่หลายๆภาคธุรกิจเริ่มหันมาสนใจ ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจอสังหาฯหรือธุรกิจก่อสร้างบ้านที่มีตลาดหรือความต้องการอยู่ทั่วประเทศ ค่าย พีดี เฮ้าส์ 1 ในบริษัทรับสร้างบ้านชั้นนำระดับ TOP 5 ของประเทศ ชิงปักธงเป็นผู้นำแฟรนไชส์รับสร้างบ้าน หรือ “ศูนย์รับสร้างบ้าน พีดี เฮ้าส์แฟรนไชส์” รายแรกของเมืองไทย เล็งขยายตลาดรับสร้างบ้านและสาขาออกไปยังพื้นที่ต่างจังหวัดทั่วไทย ด้วยกลยุทธ์เปลี่ยนคู่แข่งเป็นพันธมิตรธุรกิจ หวังยกระดับมาตรฐานผู้ประกอบการ และภาพรวมของธุรกิจรับสร้างบ้านให้เติบโตแบบยั่งยืน ตั้งเป้า 50 สาขาภายใน 5 ปี ด้วยงบลงทุน 2-2.5 ล้านบาทต่อสาขา
นายสิทธิพร สุวรรณสุต ประธานกรรมการ บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด หรือพีดี เฮ้าส์ เปิดเผยว่าจากการสำรวจข้อมูลธุรกิจแฟรนไชส์ในประเทศไทยที่ผ่านมาและในปัจจุบัน พบว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่อยู่ในประเภทกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มมากเป็นอันดับหนึ่ง สำหรับกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจก่อสร้างประเภทที่อยู่อาศัย ยังไม่พบว่ามีผู้ประกอบการรายใดก้าวเข้าสู่ธุรกิจแฟรนไชส์ จะมีก็เพียงธุรกิจนายหน้าซื้อ-ขายบ้านมือสองเพียง 2-3 ราย และธุรกิจซ่อมแซมบ้านเพียง 1 รายเท่านั้น แต่จากนี้ไปวงการธุรกิจแฟรนไชส์จะได้ยินชื่อ “แฟรนไชส์ศูนย์รับสร้างบ้าน พีดี เฮ้าส์” หรือแฟรนไชส์น้องใหม่และเป็นรายแรกของเมืองไทย “พีดี เฮ้าส์” ถือเป็นแบรนด์ระดับ Top 5 ในกลุ่มธุรกิจรับสร้างบ้านที่ประสบผลสำเร็จและมียอดขายเติบโตต่อเนื่อง ด้วยมาตรฐานผลงานสร้างบ้านที่ลูกค้าพึงพอใจ ปัจจุบันมีสาขาทั้งในกรุงเทพฯและปริมณฑลและต่างจังหวัดรวม 12 สาขา
“ความต้องการบ้านหรือที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะความต้องการสร้างบ้านบนที่ดินของตัวเอง ที่ผ่านมาผู้บริโภคและประชาชนมักนิยมว่าจ้างผู้รับเหมารายย่อยทั่วไป ทำให้แชร์ส่วนแบ่งมูลค่าตลาดรวมทั่วประเทศกว่า 80% ตกเป็นของผู้รับเหมารายย่อยเป็นส่วนใหญ่ แต่ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา พฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนไป โดยให้ความสำคัญต่อดีไซน์หรือแบบบ้าน คุณภาพ บริการ และมีไลฟสไตล์เป็นของตัวเองมากขึ้น ขณะที่ผู้รับเหมาทั่วไปยังไม่ปรับตัวตามและไม่สามารถตอบสนองความต้องการดังกล่าวได้ เหตุเพราะขาดองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญ ทั้งในด้าน การจัดการ การตลาด สถาปัตยกรรม และวิศวกรรมของการสร้างบ้านอย่างมืออาชีพ ดังนั้นจึงส่งผลเสียต่อความน่าเชื่อถือของผู้บริโภคและพบปัญหาบ่อยๆ อาทิ งบบานปลาย สร้างบ้านไม่ได้มาตรฐาน ฯลฯ จนกลายเป็นความขัดแย้งและนำไปสู่ปัญหาการทิ้งงานหรือสร้างบ้านไม่แล้วเสร็จ ฯลฯ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการสร้างบ้านในพื้นที่ต่างจังหวัด ซึ่งผู้บริโภคส่วนใหญ่จำเป็นต้องเลือกใช้บริการว่าจ้างผู้รับเหมารายย่อย เหตุเพราะบริษัทรับสร้างบ้านมืออาชีพที่แข่งขันอยู่ในตลาดไม่มีสาขาตั้งอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด หรือไม่รับสร้างบ้านในต่างจังหวัด”
นายสิทธิพร กล่าวว่าปัญหาผู้รับเหมาสร้างบ้านไม่ได้คุณภาพหรือไม่ได้มาตรฐานนั้นเป็นปัญหามานานแล้ว ทั้งนี้เพราะผู้รับเหมาส่วนใหญ่ขาดองค์ความรู้และการบริหารจัดการที่ดีพอ จึงทำให้บริษัทฯมองเห็นโอกาสและช่องทางการขยายธุรกิจรับสร้างบ้าน โดยการนำระบบแฟรนไชส์มาพัฒนาเพื่อต่อยอดธุรกิจ สำหรับการจะขยายสาขา “ศูนย์รับสร้างบ้าน พีดี เฮ้าส์” ออกไปทั่วประเทศและเป็นรายแรกของเมืองไทย ทั้งนี้ด้วยระบบแฟรนไชส์ธุรกิจรับสร้างบ้านตามที่บริษัทเซ็ทอัพระบบขึ้นมา จะเป็นการถ่ายทอดโนฮาวส์และการสนับสนุนธุรกิจจากประสบการณ์เกือบ 20 ปีที่ผ่านมาของบริษัทฯรวมถึงหน่วยงาน Design Center จากบริษัทแม่หรือสำนักงานใหญ่จะช่วยสนันสนุนการปฏิบัติงาน ด้านการออกแบบทางสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม เพื่อลดความยุ่งยากในการบริหารงานและต้นทุน ให้แก่ผู้สนใจร่วมลงทุนซื้อแฟรนไชส์และมาร่วมเป็นเครือข่ายธุรกิจเดียวกัน ภายใต้คอนเซปต์การบริการและสร้างบ้านมาตรฐานเดียวกันทั่วไทย ทั้งนี้จะเริ่มเปิดรับสมัครหรือขายแฟรนไชส์ให้แก่ผู้สนใจลงทุนในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งกลุ่มเป้าหมายที่บริษัทฯสนใจดึงมาร่วมเป็นแฟรนไชส์คือ กลุ่มผู้รับเหมารายย่อยหรือบริษัทรับสร้างบ้านในท้องถิ่น โดยปี 2552 นี้มีแผนจะขยายสาขาเพิ่มเป็น 15 สาขา และจะขยายสาขาเพิ่มเป็น 50 สาขา โดยตั้งเป้ายอดขายรวม 4,500 ล้านบาท ภายใน 5 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ด้วยลักษณะของธุรกิจรับสร้างบ้าน โอกาสที่นักลงทุนจะมีรายได้จากยอดขายและสร้างบ้านต่อปีค่อนข้างสูง บริษัทฯประเมินว่าใช้ระยะเวลาคืนทุนประมาณ 2 ปี จากงบลงทุน 2-2.5 ล้านบาทต่อสาขา สำหรับการเริ่มต้นธุรกิจ “ศูนย์รับสร้างบ้าน พีดี เฮ้าส์ แฟนไชส์”