กรุงเทพฯ--31 พ.ค.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมูนิเคชั่นส์
นักลงทุนแห่ซื้อ “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ออล เอเชีย อีควิตี้” ล้นหลาม เปิดขายแค่ 4 วันทำการก็เกือบเต็มโควต้าแล้ว “จุมพล” ชี้เป็นเพราะนักลงทุนไทยมีความมั่นใจในตลาดหุ้นญี่ปุ่นและเอเชีย เผยอาจต้องปิดการขายก่อน 8 มิ.ย. คนที่ซื้อไม่ได้ในรอบแรกยังมีโอกาส หากแบงก์ชาติให้วงเงินกองทุนลงทุนในต่างประเทศเพิ่มเติม
นายจุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงความสนใจในกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ออล เอเชีย อีควิตี้ ซึ่งเปิดขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 25 พฤษภาคม ถึง วันที่ 8 มิถุนายน 2549 ว่า หลังจากที่เปิดขายมาเพียง 4 วันทำการ ก็มีผู้ลงทุนสนใจเสนอซื้อเข้ามาจำนวนมาก จนเกือบจะเต็มมูลค่ากองทุนที่มีจำกัดอยู่ที่ 20 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 800 ล้านบาท
“ตอนนี้ทางไอเอ็นจีมีโควต้ากองทุนที่ไปลงทุนในต่างประเทศ (FIF) เหลือเพียง 20 ล้านเหรียญสหรัฐ ดังนั้น ผู้ที่สั่งซื้อเข้ามาก่อนก็มีสิทธิก่อน เพราะหากเต็มมูลค่าแล้วก็จะปิดการขายครั้งแรกทันที ซึ่งอาจต้องปิดการขายรอบแรกก่อนวันที่ 8 มิถุนายนนี้ด้วย” นายจุมพลกล่าว และให้ความเห็นว่า สาเหตุที่ผู้ลงทุนสนใจซื้อกองทุนนี้จำนวนมากคงเป็นเพราะผู้ลงทุนในปัจจุบันนี้ติดตามข่าวสารข้อมูลทั้งในและต่างประเทศอย่างใกล้ชิด ทำให้มีความเข้าใจดีว่าตลาดหุ้นในเอเชียและโดยเฉพาะในญี่ปุ่นกำลังอยู่ในช่วงของการเติบโตที่ดี ยิ่งผู้ลงทุนได้รับข้อมูลเพิ่มเติมจากทางบริษัทฯ พร้อมทั้งเห็นผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนทั้ง 4 กองทุนที่ไอเอ็นจีจะนำเงินไปลงทุนว่ามีผลตอบแทนที่ดี คือย้อนหลัง 3 ปีให้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 141.76% หรือคิดเฉลี่ย 1 ปี มีผลตอบแทนถึง 47.25% จึงยิ่งเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุนมากขึ้น
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) กล่าวด้วยว่า สำหรับข้อจำกัดเรื่องของวงเงินที่กองทุนจะนำไปลงทุนในต่างประเทศนั้น ขณะนี้ทางสมาคมบริษัทจัดการลงทุนก็ได้เสนอขอเพิ่มวงเงินจากทางธนาคารแห่งประเทศไทย ผ่านทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งหากได้รับอนุมัติวงเงินเพิ่มเติม ก็จะทำให้ผู้ลงทุนสามารถซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ออล เอเชีย อีควิตี้ ได้เพิ่มขึ้นจากการเสนอขายครั้งแรก
“จุดเด่นที่ชัดเจนอีกอย่างหนึ่งของกองทุนนี้ก็คือ เป็นการกระจายเงินลงทุนทั้งในญี่ปุ่นและนอกญี่ปุ่น โดยจะลงทุนในกองทุนที่ซื้อหุ้นในตลาดหุ้นญี่ปุ่นไม่เกิน 50% ในตลาดหุ้นของจีน ไต้หวัน ฮ่องกง 25% และตลาดหุ้นอื่นๆ ในเอเชีย ไม่รวมญี่ปุ่น อีก 25% ในขณะที่ FIF กองอื่นๆ บางกองทุนก็จะลงทุนเฉพาะในญี่ปุ่น หรือบางกองทุนก็ลงทุนเฉพาะนอกประเทศญี่ปุ่น ไม่ได้ผสมผสานเหมือนของไอเอ็นจี ซึ่งการผสมผสานระหว่างตลาดหุ้นเกิดใหม่กับตลาดหุ้นที่ใหญ่โตมั่นคงนี้ จะช่วยรักษาสมดุลระหว่างผลตอบแทนกับความเสี่ยงได้ดีกว่าการลงทุนในตลาดใดตลาดหนึ่งเฉพาะเจาะจงลงไป” นายจุมพลกล่าว
นายจุมพลกล่าวด้วยว่า ในภาวะที่ดัชนีราคาหุ้นในตลาดหุ้นญี่ปุ่นและตลาดหุ้นอื่นๆ ในเอเชียได้ปรับลดลงมาจากจุดสูงสุด ถือเป็นโอกาสดีของกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ออล เอเชีย อีควิตี้ เพราะต้นทุนหุ้นในพอร์ตก็จะถูกลงจากช่วงที่ดัชนีขึ้นไปสูงๆ ในขณะที่การเติบโตของญี่ปุ่นและประเทศอื่นๆ ในเอเชีย น่าจะผลักดันให้ตลาดหุ้นดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต ผลตอบแทนของผู้ลงทุนในกองทุนนี้ก็จะดีตามไปด้วย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
กฤติยาพร พลตรี โทร 02-643-1191-2 มือถือ 09-636-8414