กรุงเทพฯ--7 พ.ย.--สปส.
จากการที่ พญ.ประภา วงษ์แพทย์ และนายแพทย์พิพัฒน์ พงศ์รัตนามาน สมาคมรพ.เอกชน ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การเบิกจ่ายเงินในกองทุนเงินทดแทนของสำนักงานประกันสังคม (สปส.)ว่ามีการตัดค่าใช้จ่ายบางส่วนออกทำให้ รพ.ที่เคยจ่ายเต็มเสียเปรียบและมีการจ่ายเงินล่าช้า
นายไพโรจน์ สุขสัมฤทธิ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า การจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาล กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงาน สปส.มีการกำหนดมาตรฐานการรักษา วงเงินและรายการที่ชัดเจนตามกฎกระทรวง ระเบียบและประกาศที่คณะกรรมการการแพทย์เสนอ โดยเฉพาะราคาสำมะโน (การนำอัตราค่ารักษาพยาบาลของรพ.เอกชนทั่วประเทศมาวิเคราะห์และกำหนดเป็นอัตราที่สมเหตุสมผล) เพื่อความเป็นธรรมแก่นายจ้าง ลูกจ้าง และกองทุน หากเก็บค่ารักษาพยาบาลตามใจร.พ.ที่เรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลก็จะแพงเกินจริงนายจ้างจะต้องเสียเงินสมทบเพิ่มในปีต่อไปและกองทุนก็จะเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มโดยใช่เหตุอีกทั้งยังฉุดดึงค่ารักษาพยาบาลของประเทศในภาพรวมให้สูงขึ้นด้วย ราคาสำมะโนเป็นราคาที่สถานพยาบาลส่วนใหญ่ของประเทศให้การยอมรับ จึงได้ลงนามในสัญญากับประกันสังคม ทั้งนี้การนำกฎระเบียบดังกล่าวมาใช้ก็เพื่อเป็นการป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบและความมั่นคงของกองทุนเงินทดแทนเป็นสำคัญ
สำหรับระยะเวลาการจ่ายเงินนั้น ตามกฎหมายกำหนดว่าให้ทำโดยไม่ชักช้า ในทางปฏิบัติได้กำหนดไว้ภายใน 15 วัน สำหรับกรณีที่มีหลักฐานครบถ้วน ส่วนกรณีที่เบิกช้านั้นส่วนใหญ่เป็นปัญหาจากทางโรงพยาบาลเอง ที่ส่งเวชระเบียนล่าช้า ไม่สมบูรณ์หรือหลักฐานประกอบในการวินิจฉัยมายังสปส.ยังไม่ครบถ้วน ซึ่งสปส.ต้องนำหลักฐานมาวินิจฉัยว่า เจ็บป่วยหรือประสบอันตรายเนื่องจากงานหรือไม่เนื่องจากงาน บางกรณีต้องรอผลคดีจากตำรวจ บางรายนายจ้างก็ปิดกิจการข้อมูลสูญหาย บางกรณีสปส.จ่ายให้รพ.แล้ว แต่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลไม่จำหน่ายยอดตัดบัญชี ซึ่งเป็นยอดหนี้ค้างที่ไม่ถูกต้อง แล้วยังมาทวงจากสปส.อีก ทั้งๆที่จ่ายไปแล้ว โดยที่ไม่ได้ดูข้อมูลของตนเองก่อน การทวงถามซ้ำดังกล่าวทำให้เกิดการทำงานซ้ำซ้อนเจ้าหน้าที่สปส.ต้องเสียเวลาตรวจสอบข้อมูลซ้ำไปมา ซึ่งเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ล่าช้าด้วย
ส่วนที่รพ.กล่าวว่า เมื่อรพ.ไปขอเบิกเงินแล้วเบิกเงินได้ไม่เต็มและมีเงินค้างจ่ายบางรายถึง 20 ปี ตรงนี้ถือว่าเป็นข้อกล่าวหาที่เกินจริง สปส.เพิ่งมีมา 16 ปี จะมีการค้างจ่าย 20 ปีเป็นไปได้เชียวหรือ สิ่งที่เกิดขึ้นน่าจะมาจาก ที่ สปส.นำมาตรฐานการเบิกจ่ายดังกล่าวมาใช้ จึงทำให้รพ.ในจังหวัดสมุทรปราการบางแห่งไม่พอใจออกมาให้ข่าว ทั้งนี้ยังมีรพ.อีกหลายแห่งที่ไม่เห็นด้วยกับข่าวที่เกิดขึ้น ที่ทำแบบนี้อยากถามว่ามีเจตนาอะไร ต้องการให้เกิดความเสียหายต่อสปส.หรืออย่างไร นอกจากนั้นเรื่องการเบิกจ่ายก็เป็นไปตามสัญญาที่ทางโรงพยาบาลเอกชนเองทำไว้กับสปส.ตั้งแต่ต้น
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
ศูนย์สารนิเทศ สายด่วน 1506 /www.sso.go.th