เจบิ๊คส์-ฟิล์ม ภูมิใจเสนอภาพยนตร์เรื่อง DRIVING LESSONS 2ความฝัน มี 1 คันก็วิ่งถึง

ข่าวทั่วไป Friday November 10, 2006 15:12 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--10 พ.ย.--เจบิ๊คส์-ฟิล์ม
DRIVING LESSONS
2ความฝัน มี 1 คันก็วิ่งถึง
ประเทศ อังกฤษ
ประเภท ชีวิต / ตลก / โรแมนติก
นำแสดงโดย Rupert Grint / Laura Linney / Julie Walters
ผู้กำกับฯ Jeremy Brock
ความยาว 98 นาที
วันที่เข้าฉาย 7 ธันวาคม 2549 (เฉพาะโรงภาพยนตร์เครือเอเพ็กซ์)
เรื่องย่อ
ครั้งแรกที่พวกเราพบกับเบ็น (รูเพิร์ท กริ๊นท์) เขาเป็นหนุ่มน้อยวัย 17 ปี ที่ขี้อาย และถอดแบบมาจากตำรา อยู่ระหว่างการพักผ่อนวันหยุดฤดูร้อนที่ไม่น่ารื่นรมย์นัก ขณะที่เด็กคนอื่นออกไปหาความสำราญ เบ็นกลับใช้เวลาสองสามสัปดาห์ที่มีค่านี้ในการเข้าชั้นเรียนคัมภีร์ ไบเบิ้ล หัดเรียนขับรถกับแม่ (ลอร่า ลินนีย์) ที่สุดจะทนและเคร่งศาสนา และยังไปช่วยเหลือคนชราที่บ้านพักคนชราในท้องถิ่นด้วย แน่นอนว่ากิจกรรมเหล่านี้ไม่ใช่วันหยุดในอุดมคติของเขา แต่เบ็นก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากอยู่ในความควบคุมของโชคชะตา ภายใต้การควบคุมของแม่ที่เต็มไปด้วยการเรียกร้องและระแวดระวัง กับพ่อนักบวชที่ไม่มีบทบาท
โลกของเบ็นที่เรียบง่ายกลับพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อเขาเริ่มงานเป็นผู้ช่วยของเอวี (จูลี่ วอลเตอร์ส) นักแสดงวัยเกษียณที่ไม่อยู่ในกฎเกณฑ์ เอวีเป็นส่วนผสมของความกักขละ สง่างาม และความเป็นเด็กอยู่ในตัว เธอได้ก้าวเข้ามาในชีวิตของเบ็นด้วยความต้องการเปลี่ยนแปลง เบ็นต้องอยู่กึ่งกลางระหว่างสองโลก และเริ่มโน้มเอียงไปยังหนทางที่ผิด ธรรมเนียมและแปลกประหลาดของนายจ้าง แม้ว่าเขาจะมีปัญหากับแม่อย่างต่อเนื่องก็ตาม
เอวีวางแผนให้เบ็นเป็นหุ้นส่วนของเธอในการผจญภัยอย่างต่อเนื่อง ลงท้ายด้วยการเดินทางแค้มปิ้งซึ่งกลายเป็นการเดินทางทางรถยนต์ เมื่อเธอขอร้องให้เบ็นขับรถไปยังเทศกาล เอดินเบอร์ก แม้ว่าเขาจะยังไม่มีใบอนุญาตขับขี่ก็ตาม เบ็นเพิกเฉยกับกฎเกณฑ์อย่างกล้าๆ กลัวๆ และกระโดดขึ้นหลังพวงมาลัย
เหตุการณ์ที่ตามมาก็คือ การเดินทางซึ่งเบ็นและเอวีช่วยเหลือกันในการขับเคลื่อนชีวิตของทั้งคู่ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เบ็นถูกผลักดันให้เผชิญหน้ากับวิถีทางที่ถูกเลี้ยงดูมาและสิ่งที่เขาต้องการจะเป็น
เกี่ยวกับการผลิตภาพยนตร์
ในที่สุด เจอเรมี บร็อค ผู้ประพันธ์และผู้กำกับก็บรรลุความฝันด้วยภาพยนตร์เรื่อง “Driving Lessons” เขาเป็นนักเขียนบทภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จหลายเรื่อง อาทิ “Mrs.Brown” และ “Charlotte Gray” และเป็นผู้ร่วมสร้างสรรค์ละครการแพทย์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของอังกฤษเรื่อง “Casualty” เขาเริ่มการเขียนบท ”Driving Lessons” เมื่อห้าปีที่แล้ว เนื้อหาของเรื่องนี้ค่อนข้างจะเป็นเรื่องส่วนตัว แบบแผนของเนื้อเรื่องเกี่ยวข้องกับอิทธิพลของนักแสดงหญิงสูงวัยที่มีต่อชายหนุ่มลูกชายของนักบวชที่ขาดความมั่นใจ เมื่อเขาทำงานเป็นผู้ช่วยของเธอ
เรื่องราวของภาพยนตร์เรื่องนี้ส่วนหนึ่งมาจากช่วงชีวิตวัยรุ่นของบร็อคเอง เขาเป็นบุตรชายของนักบวชเช่นกัน และได้ทำงานร่วมกับ ดาม เป็คกี้ แอชครอฟท์ นักแสดงหญิงที่เป็นตำนาน
เมื่อบร็อคนำบทภาพยนตร์ไปเสนอต่อจูเลีย คราสแมน ก็ทำให้ภาพยนตร์เรื่อง “Driving Lessons” กลายเป็นจริงขึ้นมา
จูเลีย คราสแมนต้องการโครงการเปิดตัวสำหรับบริษัทผลิตภาพยนตร์แห่งใหม่ของเธอที่ชื่อ RubberTreePlant และเรื่อง “Driving Lessons” ก็ได้รับการคัดเลือก กองทุนพรีเมียร์ของสภาภาพยนตร์อังกฤษทำให้ความฝันกลายเป็นความจริงขึ้นมา
คราสแมนและบร็อคดำเนินการแก้ไขบทร่วมกันอย่างใกล้ชิด ทั้งคู่ได้ว่าจ้างอเล็กซานดร้า เฟอร์กูสัน ให้เข้ามาร่วมงานในฐานะโคโปรดิวส์เซอร์ และเริ่มการสัมภาษณ์ทีมงานสำหรับโครงการดังกล่าว พวกเขาขอให้พริสซิลล่า จอห์นมาเป็นผู้กำกับบท ในฐานะที่เขาเป็นผู้อาวุโสในการคัดเลือกนักแสดง และมีประสบการณ์จากภาพยนตร์หลายเรื่อง ได้แก่ “Quills”, “Aragon”, “Pirates of the Caribbean”, “Van Helsing”, “Little Voice”, “Seven Years in Tibet”, “Frankenstein”, “Little Buddha”, “City of Joy”, “A Passage to India” และ “Jewel in the Crown”
บทภาพยนตร์ของบร็อคยังสร้างปาฎิหาริย์ให้กับนักแสดง จูลี่ วอลเตอร์สกล่าวถึงความจริงของบทภาพยนตร์ว่า “การเขียนใช้เวลาห้าปี นับว่าได้รับการถักทอมาเป็นอย่างดีและเป็นเรื่องจริง และตัวละครก็ถูกวางไว้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นตัวละครที่เล็กแค่ไหนก็ตาม” เธอได้รับคัดเลือกให้แสดงนำในบทของอีฟ วอลตัน นักแสดงหญิงที่ไม่ยึดมั่นในกฎเกณฑ์ เจ้าอารมณ์ และสนุกสนาน
การเดินทางไปยังอเมริกาเพื่อพบกับลอร่า ลินนีย์ ทำให้บร็อคได้นักแสดงคนที่สอง ลินนีย์กล่าวว่า “การทำงานร่วมกับผู้กำกับมือใหม่เป็นสิ่งที่น่าพอใจมาก ฉันได้ร่วมงานกับบรรดาผู้กำกับเหล่านี้หลายคน พวกเขามีความเข้าใจเป็นอย่างดีเกี่ยวกับเรื่องวัตถุดิบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่พวกเขากำกับบทภาพยนตร์ของตนเอง พวกเขาเข้าใจว่านักแสดงทำงานอย่างไร และรู้ว่จะต้องปฏิบัติกับทีมงานอย่างไร”
จิ๊กซอว์ส่วนที่สามซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการแสดงก็คือ เด็กหนุ่มที่จะมารับบทเบ็น บทของลูกชายลีนนีย์ที่ทำงานให้กับเอวี และพบว่าโลกทั้งใบเปิดรอรับเขา รูเพิร์ท กริ๊นท์ ซึ่งรับบทเป็นรอน วีสลีย์ในภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จเป็นประวัติการณ์เรื่อง “แฮรี พอตเตอร์” ได้รับเลือกให้รับบทดังกล่าว
กริ๊นท์เช็นสัญญารับบทเบ็น
ระหว่างที่การคัดเลือกนักแสดงดำเนินไป ก็มีการจ้างทีมงานคนสำคัญอื่นๆ ได้แก่ เดวิด แคทซเนลสัน ผู้กำกับภาพ ซึ่งทำงานร่วมกับบร็อคอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อยก่อนที่การถ่ายทำจะเริ่ม ทั้งในการทำสตอรี่บอร์ดและเดินทางไปคัดเลือกสถานที่ถ่ายทำกับบร็อค
อมานด้า แมคอาร์เท่อร์ ได้รับการคัดเลือกให้เป็นโปรดักชั่นดีไซเนอร์ บร็อคกล่าวว่า “เราได้พบกับดีไซเนอร์หลายคน แต่ผมคิดว่าผลงานของอมานด้าวิเศษมาก ทันทีที่ผมได้พบกับเธอ ผมรู้ว่าเธอเป็นส่วนผสมที่ลงตัวในการจัดการ และมั่นใจว่ากร๊าฟฟิคที่ออกมาจะเป็นสิ่งที่ผมต้องการให้ปรากฏในภาพยนตร์
เทรวอร์ เวท ได้รับคัดเลือกให้เป็นบรรณาธิการ เวทมีชั่วโมงบินสูงในการทำงานร่วมกับบรรดาผู้กำกับมากว่าสามทศวรรษ อาทิ เควิน สเปซี จากเรื่อง “Beyond the Sea” ทิม รอท เรื่อง “The War Zone” และไมเคิล วินเทอร์บ็อททอม เรื่อง “Welcome to Sarajevo”
อัลกี้ สโลน ผู้จัดการสถานที่พบว่ามีสถานที่ถ่ายทำให้เลือกจำนวนมาก เมื่อมองไปยังภาพยนตร์ บร็อคกำหนดสถานที่ถ่ายทำสามแห่งเป็นพิเศษ ได้แก่ คลับซาลซ่าในเวสต์ลอนดอน ซึ่งเด็กหนุ่มเบ็นถูกชักนำโดยไบรโอนี เด็กหนุ่มขี้เล่นชาวสก็อตให้รู้จักการเต้นซาลซ่าที่บ้าคลั่ง สถานที่แห่งที่สองคือทะเลสาบที่ถ่ายทำภายใต้บรรยากาศมืดมนแบบสก็อต ระหว่างการทำงานสามวัน ณ สถานที่รอบๆ เอดินเบอร์ก และสถานที่สุดท้ายคือ บ้านสไตล์จอร์เจียในกรีนนิช ซึ่งเป็นฉากบ้านของเอวี บ้านหลังนี้ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสวนส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุดในลอนดอน ที่แห่งนี้นับเป็นสถานที่ถ่ายทำสำคัญสำหรับภาพยนตร์หลายเรื่อง และทีมงานใช้เวลาตลอดทั้งสัปดาห์ในการถ่ายทำทั้งภายในและภายนอก
เจอเรมีค้นพบว่า เมื่อนักแสดงเริ่มแสดง บางครั้งพวกเขาก็พัฒนาตัวละครไปเกินกว่าจุดที่เขาเห็น “นิโคลัส ฟาร์เรล และโรเบิร์ต ตีความบทในแนวทางที่ชัดเจนขึ้น และเขาก็กลายมาเป็นตัวละครสำคัญ ผมมองว่าเขาเป็นจุดผ่านและสิ่งที่อยู่รอบนอก แต่เขาก็กลายมาเป็นนักสู้ที่แท้จริง มากเสียจนทำให้ผมต้องเขียนฉากใหม่สองสามฉากสำหรับเขา”
เมื่อการถ่ายทำเริ่มต้นขึ้น ก็เป็นการถ่ายทำสัปดาห์ละหกวันไปทั่วทั้งลอนดอน และจบลงที่การถ่ายทำสามวันในสก็อตแลนด์ กำหนดการถ่ายทำมีพร้อมๆ กับเหตุการณ์วางระเบิดที่เกิดขึ้นสี่ มุนเมืองในมหานครเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2548 และความพยายามในการลอบวางระเบิดเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม การถ่ายทำในวันนั้นต้องยุติลงเนื่องจากโปรดิวเซอร์ไม่ต้องการเสี่ยงเรื่องความปลอดภัยของนักแสดงและทีมงานระหว่างการก่อการร้าย อย่างไรก็ตาม การถ่ายทำดำเนินต่อไป และขณะนี้ก็เสร็จสิ้นลงอย่างสมบูรณ์
เมื่อการถ่ายทำเสร็จสิ้นลง ผู้ผลิตภาพยนตร์ได้หยุดพักชั่วคราวเพื่อสะท้อนประสบการณ์ จูเลีย คราสแมนกล่าวว่าสิ่งที่เป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่สุดของเธอคือเนื้อหาของเรื่องที่กินใจ “เมื่อคุณพัฒนาบทภาพยนตร์เป็นเวลานานหลายปี คุณจะตกหลุมรักบทนั้น และมีตัวละคร บทภาพยนตร์ที่คุณนิยมชมชอบ และบทตลก แน่นอนว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้มีอยู่ในเรื่องนี้ทั้งหมด เพียงแต่ฉันไม่ได้ตระหนักว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เต็มไปด้วยความเคลื่อนไหว จนกระทั่งการถ่ายทำเริ่มขึ้น
ภาพยนตร์เรื่อง “Driving Lessons” อำนวยการผลิตโดยจูเลีย คราสแมน เขียนบทและกำกับการแสดงโดยเจอเรมี บร็อค และมีอเล็กซานดร้า เฟอร์กูสันเป็นผู้อำนวยการผลิตร่วม ผู้กำกับภาพ คือเดวิด แคทซเนลสัน และอมานด้า แมคอาร์เท่อร์ ทำหน้าที่เป็นโปรดักชั่นดีไซเนอร์ ตัดต่อภาพยนตร์โดยเทรวอร์ เวท นักแสดงนำประกอบด้วย จูลี่ วอลเตอร์ส, รูเพิร์ท กริ๊นท์ และลอร่า ลินนีย์ ภาพยนตร์เรื่อง “Driving Lessons” เป็นผลงานการผลิตของบริษัท RubberTreePlant
เกี่ยวกับนักแสดง
จูลี่ วอลเตอร์ส (เอวี) :
ในภาพยนตร์เรื่อง “Driving Lessons” จูลี่ วอลเตอร์สรับบทเป็นเอวี วอลตัน นักแสดงหญิงที่ไม่เดินตามระเบียบแบบแผน และเป็นผู้ช่วยเหลือเบ็น (รูเพิร์ท กริ๊นท์) ในการค้นหาตนเอง ในระหว่างนี้ก็ได้ช่วยชีวิตตัวเธอเองเช่นกัน “นับเป็นเรื่องราวแบบแผนแห่งการเปลี่ยนแปลง มีกระบวนการรักษาร่วมกันซึ่งเกิดขึ้นระหว่างเด็กหนุ่มและนักแสดงสูงวัยที่แปลกแยกคนนี้ การรับบทเอวีราวกับเป็นทางไปสู่สวรรค์”
จูลี่ วอลเตอร์สถือกำเนิดที่เมืองเบอร์มิงแฮม และได้รับการฝึกฝนเป็นพยาบาล เป็นการยากที่จะจินตนาการว่าทีวีอังกฤษ ละคร และภาพยนตร์จะสามารถรับมือได้อย่างไร หากเธอยังคงประกอบอาชีพพยาบาล
นับเป็นความโชคดีที่เธอเปลี่ยนใจและเข้าร่วมงานกับลิเวอร์พูล เอวรี่แมน และได้พบกับนักเขียนบทหลายคน ได้แก่ อลัน เบลสดาลเล่, อลัน เบนเน็ท และวิลลี่ รัสเซล และหลังจากนั้นไม่นานยังได้พบกับวิคตอเรีย วู้ด ทั้งสี่คนนี้ รวมทั้งคนอื่นๆ ต่างให้จูลี่ได้รับบทบาทที่น่าสนใจ เมื่อเธอย้ายสาขามาแสดงภาพยนตร์ จูลี่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์เป็นครั้งแรกจากภาพยนตร์เรื่อง “Educating Rita” และภาพยนตร์เรื่องนี้ยังทำให้เธอได้รับรางวัลลูกโลกทองคำอีกด้วย ต่อมาจูลี่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์เป็นครั้งที่สองจากบทบาทครูสอนเต้นรำที่คอยผลักดันในภาพยนตร์เรื่อง “Billy Elliot” และในปัจจุบันจูลี่รับบทเป็นแม่ของรอน วิสลีย์ในภาพยนตร์เรื่อง “แฮรี่ พอตเตอร์” เมื่อเร็วๆ นี้ เธอปรากฏตัวในภาพยนตร์เรื่อง “Acorn Antiques” ของวิคตอเรีย วู้ด และกำกับการแสดงโดยเทรวอร์ นัน ที่ออกฉายเป็นเวลาหกเดือนในเวสต์และอีสต์ลอนดอน
ประวัติการแสดงภาพยนตร์ :
2007 Harry Potter and the Order of the Phoenix
2006 Becoming Jane
2005 Wah-Wah
2004 Mickybo and Me
2004 Harry Potter and the Prisoner of Azkaban
2003 Calendar Girls
2002 Harry Potter and the Chamber of Secrets
2002 Before You Go
2001 Harry Potter and the Sorcerer’s Stone
2000 Billy Elliot
2000 All Forgotten
1998 Titanic Town
1998 Girls’ Night
1997 Bathtime
1996 Intimate Relations
1994 Sister My Sister
1992 Just Like a Woman
1991 Stepping Out
1990 Mack the Knife
1989 Killing Dad or How to Love Your Mother
1988 Buster
1987 Prick Up Your Ears
1987 Personal Services
1985 Dreamchild
1985 Car Trouble
1984 She’ll Be Wearing Pink Pyjamas
1983 Educating Rita
รูเพิร์ท กริ๊นท์ (เบ็น) :
รูเพิร์ทอาจจะเป็นเด็กหนุ่มผมแดงที่โด่งดังที่สุดในโลกเนื่องจากบทของรอน วีสลีย์ เพื่อนสนิทของแฮรี่ จากภาพยนตร์เรื่อง “แฮรี่ พอตเตอร์” ทั้งสี่ภาค รูเพิร์ท กริ๊นท์รบบท “เกือบเป็น ผู้ใหญ่” เป็นครั้งแรกจากภาพยนตร์เรื่อง “Driving Lessons” ในบทของเบ็น หนุ่มน้อยผู้ขาดความมั่นใจในตนเอง
รูเพิร์ทถือกำเนิดที่เมืองเฮิร์ทฟอร์ดเชียร์ อาศัยอยู่กับพ่อแม่และพี่น้องสี่คน (ผู้ชายหนึ่งคน ผู้หญิงสามคน) รูเพิร์ทปรากฏตัวในละครเรื่องหนึ่งของโรงเรียนและเขาได้ข่าวการคัดเลือกนักแสดงสำหรับภาพยนตร์เรื่อง “แฮรี่ พอตเตอร์” ภาคแรก กริ๊นเป็นแฟนหนังสือแฮรี่ พอตเตอร์ตัวยง และได้เตรียมเพลงแร็บ (แนวดนตรีที่เขาถนัด) เพื่อรับบทของรอน วีสลีย์ และความเหมาะสมของเขาในการรับบทดังกล่าว สองสามวันต่อมาบทนี้ก็ตกเป็นของเขา
นับแต่นั้นมา รูเพิร์ทก็ได้แสดงภาพยนตร์เรื่อง “แฮรี่ พอตเตอร์” สี่ภาค และภาคที่ห้าได้เริ่มการถ่ายทำเมื่อต้นปีนี้ เขาจบการศึกษาแล้ว และตัดสินใจรับบทเป็นนักแสดงผู้ใหญ่ แทนที่จะเป็นเพียงนักแสดงเด็ก และเขาได้เริ่มสร้างชื่อเสียงระหว่างการแสดงในเรื่อง “แฮรี่ พอตเตอร์” ด้วยการแสดงภาพยนตร์เรื่อง “Thunderpants” และ “Driving Lessons”
ประวัติการแสดงภาพยนตร์ :
2007 Harry Potter and the Order of the Phoenix
2005 Harry Potter and the Goblet of Fire
2004 Harry Potter and the Prisoner of Azkaban
2002 Harry Potter and the Chamber of Secrets
2002 Thunderpants
2001 Harry Potter and the Sorcerer’s Stone (2001)
ลอร่า ลินนีย์ (ลอร่า) :
ในภาพยนตร์เรื่อง “Driving Lessons” ลินนีย์รับบทลอร่า แม่ของเบ็น (รูเพิร์ท กริ๊นท์) ที่ปกป้องลูกชายออกนอกหน้า และเป็นภรรยาของโรเบิร์ต (นิโคลัส ฟาร์เรล) นักบวชที่ถูกเหยียบย่ำ
ลอร่า ลินนีย์ ถือกำเนิดในมหานครนิวยอร์ค เป็นบุตรสาวของโรมูลัส ลินนีย์ นักเขียนบท เธอจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยบราวน์ และเรียนการแสดงจากจูเลียต แอนด์ ดิ อาร์ต เทียเตอร์ ในกรุงมอสโก เธอสร้างชื่อเสียงในละครบรอดเวย์ อาทิ “Hedda Gabler”, “Six Degrees of Separation” และเมื่อเร็วๆ นี้ได้นำแสดงในภาพยนตร์เรื่อง “The Crucible” จากบทภาพยนตร์ของริชาร์ด อาย ที่ดัดแปลงจากอาร์เท่อร์ มิลเล่อร์ นำแสดงคู่กับเลียม นีสัน
ลินนีย์มีความชำนาญทั้งในด้านการแสดงละคร ภาพยนตร์ และโทรทัศน์ และมีประสบการณ์ด้านภาพยนตร์ทั้งในการแสดงอิสระและในการแสดงร่วมกับสตูดิโอพิคเจอร์สขนาดใหญ่
บทแรกๆ ที่สำคัญของเธอคือ ภาพยนตร์เรื่อง “Congo” ของค่ายพาราเมาท์ ขณะที่การแสดงของเธอในเรื่อง “Primal Fear” ร่วมกับริชาร์ด เกียร์ ทำให้เธอได้รับความสนใจจากผู้กำกับ คลิ๊นท์ อีสวู้ด ซึ่งชักนำเธอให้มาแสดงในภาพยนตร์เรื่อง “Absolute Power” และ “Mystic River” และผู้กำกับปีเตอร์ เวียร์ จับให้เธอแสดงคู่กับจิม แคร์รีย์ในภาพยนตร์เรื่อง “Truman Show” นอกจากนี้เธอยังได้แสดงนำในภาพยนตร์ที่ได้รับคำชมเชยเรื่อง “You Can Count on Me” และทำให้เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์เป็นครั้งแรก เมื่อเร็วๆ นี้ลินนีย์แสดงในภาพยนตร์เรื่อง “Kinsey” คู่กับเลียม นีสัน
ผลงานด้านจอแก้วของเธอได้แก่ “Tales from the City” ซึ่งสร้างจากหนังสือของอาร์มิสเตด มอพิน เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตในซานฟรานซิสโก และนำแสดงใน “Frasier” อีกหลายตอนในบทชาร์ล็อต คนรักของด็อกเตอร์เครน
ประวัติการแสดงภาพยนตร์ :
2007 The Nanny Diaries
2007 The Savages
2007 Breach
2007 The Hottest State
2006 Man of the Year
2006 Jindabyne
2005 The Exorcism of Emily Rose
2005 The Squid and the Whale
2004 Kinsey
2004 P.S.
2003 Love Actually
2003 Mystic River
2003 The Life of David Gale
2002 The Mothman Prophecies
2002 The Laramie Project
2000 Maze
2000 The House of Mirth
2000 You Can Count on Me
1999 Lush
1998 The Truman Show
1997 Absolute Power
1996 Primal Fear
1995 Congo
1994 A Simple Twist of Fate
1993 Searching for Bobby Fischer
นิโคลัส ฟาร์เรล (โรเบิร์ต) :
นิโคลัส ฟาร์เรล รับบทเป็นนักบวชในภาพยนตร์เรื่อง “Driving Lessons” สามีของลอร่า (นำแสดงโดยลอร่า ลินนีย์) และเป็นพ่อของเบ็น (รูเพิร์ท กริ๊นท์) เขานำประสบการณ์ในการเล่นเป็นผู้แพ้มาใช้ ฟาร์เรลกล่าวว่า “ผมชอบเขา เขาเป็นผู้ชายที่ดีแต่อ่อนแอ และนั่นเป็นคาร์แร็คเตอร์ที่แย่ที่สุดของเขา เขาไม่มีความแข็งแกร่งในการที่จะเดินออกจากความสัมพันธ์ในครอบครัวหรือเผชิญหน้าและแก้ปัญหา”
นิโคลัส ฟาร์เรลนับเป็นหนึ่งในนักแสดงอังกฤษที่มากไปด้วยความสามารถ เขาเป็นผลิตผลอันทรงคุณค่าจากจอแก้วและจอเงินนับตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1970
ประวัติการแสดงภาพยนตร์ :
2006 Amazing Grace
2002 Bloody Sunday
2001 Charlotte Gray
2001 Arthur’s Dyke
2001 The Discovery of Heaven
2001 Pearl Harbor
1999 Beautiful People
1999 Plunkett & Macleane
1998 Legionnaire
1996 Hamlet
1996 Twelfth Night : Or What You Will
1995 Othello
1995 In the Bleak Midwinter
โอลิเวอร์ มิลเบอร์น (ปีเตอร์) :
ในภาพยนตร์เรื่อง “Driving Lessons” โอลิเวอร์ มิลเบอร์นรับบทเป็นปีเตอร์ ผู้ช่วยนักบวชที่มากด้วยความสามารถ ซึ่งนับเป็นต้นแบบในหมู่บ้านสำหรับเด็กหนุ่ม หรือย่างเข้าวัยหนุ่ม
โอลิเวอร์ มิลเบอร์นถือกำเนิดที่เมืองดอร์เซ็ท และจบการศึกษาจาก Elton College รวมทั้งเป็นสมาชิกกลุ่มละครที่ชื่อ Double Edge Drama เขามิได้เข้ารับการฝึกการแสดง แต่อาศัยประสบการณ์ที่ได้รับจากซีรีส์ละครเรื่อง “Families” (เป็นละครเรื่องแรกของจู้ด ลอว์ด้วย) ในปี 2537 เขาได้รับการทาบทามจากเรื่อง “Loaded” และได้แสดงในปีเดียวกันในบทหนึ่งในเด็กหนุ่มในเรื่อง “The Browning Version” ซึ่งนำแสดงโดยอัลเบิร์ต ฟินนีย์ และเกรต้า สกาชี่
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เขาได้ประสบการณ์จากทั้งจอแก้วและละครเวที อาทิ “The Choir” จากหนังสือ “Age saga” ของโจแอน โทรลโลเป้, “Tess of the D’Urbervilles” ซึ่งเป็นซีรีส์ คลาสสิค, “David Copperfield”, “The Forsyte Saga” และบทของหมอนิค โลแกนในเรื่อง “Born and Bred”
มิเชล ดันแคน (ไบรโอนี่) :
ในภาพยนตร์เรื่อง “Driving Lessons” ดันแคนรับบทเป็นไบรโอนี่ ชาวสก็อตที่อบอุ่นและมีมุขตลก ซึ่งช่วยเหลือเบ็นในการสลัดนิสัยบางอย่าง ระหว่างการเดินทางอันแสนยุ่งเหยิงไปยัง เอดินเบอร์กร่วมกับเอวี่ เธอกล่าวว่า “ฉันยังอยู่ในขั้นตอนการค้นหาทุกอย่างที่ค่อนข้างเต็มตื้น ฉันรักที่จะทำงนร่วมกับจูลี่ วอลเตอร์ส ฉันอยากจะบอกว่าเธอเหมือนแม่ของฉันมาก และเท้าเธอก็น่ารัก! ขณะที่รูเพิร์ทก็ทำให้ฉันนึกถึงน้องชาย.....”
มิเชล ดันแคน ถือกำเนิดที่เมืองเพิร์ท และรู้ว่าตนเองต้องการเป็นนักแสดงตั้งแต่อายุได้เพียงสามขวบ! เธอจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย St Andrew’s และเป็นสหายร่วมชั้นเรียนของเจ้าชายวิลเลียม ในปีนี้เธอรับบทเป็นเจ้าหญิงไดอาน่า เจ้าหญิงแห่งเวลส์ผู้ล่วงลับ ในละครทีวีเรื่อง “Whatever Love Means” (ลอเรนซ์ ฟ็อกซ์ รับบทเป็นเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์)
ในปี 2548 ดันแคนย้ายจากสก็อตแลนด์ไปลอนดอน (แม้ว่าชาวสก็อตจะอยู่ในลอนดอน ฉันก็ต้องย้าย”) และนับแต่นั้นเธอก็มีผลงานหลายเรื่อง เธอท่องเที่ยวไปกับเพเนโลเป้ คีท ในเรื่อง “Time and the Conways” รับบทเป็นสาววัย 16 ปีในเรื่อง “Sea of Souls” รับบทรักครั้งแรกใน “Whatever Love Means” จากนั้นรับบทในเรื่อง “Sugar Rush” และท้ายสุดรับบทนักเต้นซาลซ่าในเรื่อง “Driving Lessons”
จิม นอร์ตัน (มิสเตอร์ฟินแชม) :
ในภาพยนตร์เรื่อง “Driving Lessons” จิม นอร์ตัน รับบทเป็นมิสเตอร์ฟินแชม ผู้ดูแลที่พักที่ค่อนข้างสับสน ลอร่าเป็นผู้ชักนำเขาเข้ามาในครอบครัว เนื่องจากโรเบิร์ต สามีนักบวชที่ไร้พลังและน่ารำคาญ และเบ็น ลูกชายวัยรุ่น ที่เป็นคริสเตียนที่อาจทำให้เธอต้องผิดหวัง
จิม นอร์ตัน ถือกำเนิดที่เมืองดับบลิน และได้สร้างคุณประโยชน์แก่วงการภาพยนตร์ ละครเวที และโทรทัศน์นับตั้งแต่ทศวรรษ 1960 เขาได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัล Laurence Olivier Theatre Award ในสาขานักแสดงยอดเยี่ยมในปี 2541 จากผลงานเรื่อง “The Weir” ในปี 2546
เขาได้รับรางวัล Village Voice Obie Award จากเรื่อง “A Dublin Carol”
ผลงานภาพยนตร์ที่สร้างชื่อให้แก่นอร์ตัน ได้แก่ “Alfred the Great”, “Straw Dogs”, “Hidden Agenda”, “Into the West” และ ‘Harry Potter and the Chamber of Secrets” ผลงานจอแก้วได้แก่ “Fall of Eagles”, “Sakharov”, “Rebus : Black and Blue” และซีรีส์ทีวีหลายตอนที่ฉายทั้งในอังกฤษและอเมริกา ได้แก่ “Colditz”, “The Sweeney”, “Rumpole of the Bailey”, “Tales of the Unexpected”, “L A Law”, “Poirot”, “Cheers”, “Star Trek : The Next Generation” และ “Frasier”
ทัมซิน อีเกอร์ตัน (ซาร่าห์) :
ทิมซิน อีเกอร์ตัน รับบทเป็นซาร่าห์ ในภาพยนตร์เรื่อง “Driving Lessons” “เธอเป็นหญิงสาวที่มีชื่อเสียง เธอมีความร้ายกาจอยู่ในตัวและคิดว่าตัวเองไม่เคยทำผิด เธอหลงเสน่ห์ปีเตอร์ ผู้ช่วยนักบวช และพูดถึงเขาตลอด เธอไม่ได้ตั้งใจที่จะใจร้ายกับเบ็น แต่เธอรู้สึกว่าเบ็นค่อนข้างจะแปลก”
ปี 2548 นับเป็นปีที่ยุ่งเหยิงสำหรับทัมซิน อีเกอร์ตัน เธอเริ่มการแสดงภาพยนตร์ด้วยเรื่อง “Keeping Mum” ซึ่งถ่ายทำที่คอร์นวอล ร่วมกับโรแวน แอทคินสัน และคริสเต็น สก็อต โทมัส ที่รับบทเป็นพ่อและแม่ของเธอ และแม็กกี้ สมิท ที่รับบทคุณยาย จากนั้นเธอได้แสดงในภาพยนตร์เอ็ฟแฟคฟอร์มยักษ์เรื่อง “Eragon” ซึ่งถ่ายทำในฮังการี และขณะนี้เธอรับบทซาร่าห์ หญิงสาวที่โด่งดังที่สุดในชั้นเรียน และเป็นหญิงสาวในอุดมคติของเบ็น ซึ่งรับบทโดยรูเพิร์ท กริ๊นท์ ในภาพยนตร์เรื่อง “Driving Lessons”
ทัมซินถือกำเนิดที่นิวแฮมเชียร์ในปี 2531 และได้ถ่ายทำโฆษณาตั้งแต่กลางทศวรรษ 1990 เธอต้องการที่จะเป็นนักแสดง และได้พิสูจน์ให้ความฝันกลายเป็นจริง จากการที่พ่อและแม่ของ ทัมซินมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจการภาพยนตร์ ทำให้เธอเริ่มต้นจากความเป็นจริง และขณะเดียวกันก็ได้รับการสนับสนุนจากทั่วโลก
เกี่ยวกับผู้ผลิตภาพยนตร์
จูเลีย คราสแมน (โปรดิวเซอร์) :
คราสแมนจการศึกษาจากสถาบัน UCLA Film School และเริ่มอาชีพด้วยการเป็นนักอ่านที่ ค่ายฟ็อกซ์ ก่อนที่จะเป็นผู้บริหารด้านการพัฒนาที่ Rollins-Joffe Productions ซึ่งเธอได้พัฒนาภาพยนตร์แนวคอมเมอดี้เรื่อง “Arthur”
ในปี 2532 เธอได้ผลิตเรื่อง “Shag” ร่วมกับบริดเจ็ด ฟอนด้า, แอนนาเบ็ท กิช, โฟเบ คาเตส และ เพจ ฮานน่าห์
ในฐานะผู้บริหารที่ค่ายยูนิเวอร์แซลพิคเจอร์ส เธอดูแลการผลิตด้านชายฝั่งตะวันออก และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับมาร์ติน สกอร์เซซี ผู้กำกับและผู้ผลิตภาพยนตร์ เธอดูแลการผลิตเรื่อง “Mad Dog and Glory” และพัฒนาเรื่อง “Clockers” ให้กับสกอร์เซซีและสไปค์ ลี นอกจากนี้ยังเป็นเอ็กซ์เซ็คคูทีฟโปรดิวเซอร์ให้กับภาพยนตร์เรื่อง “The Perez Family” ร่วมกับมาริสา โทเมโอ และแอนเจลิกา ฮัสตัน
คราสแมนยังดูแลด้านการพัฒนาและการผลิตที่ Industry Entertainment อีกด้วย
เธอดูแลการผลิตเรื่อง “Love Jones” ของทีโอดอร์ วิทเช่อร์, ผลิตเรื่อง “Polish Wedding” ซึ่ง นำแสดงโดยลีน่า โอลิน และกาเบรียล ไบรน์, ผลิตเรื่อง “Invisible Circus” ซึ่งนำแสดงโดย คาเมรอน ดิแอซ และภาพยนตร์ของเมล สมิท เรื่อง “The Laird of Tomintoul” นำแสดงโดยกาเบรียล ไบรน์ และอลิซาเบธ เฮอร์เลย์
ภาพยนตร์เรื่อง “Driving Lessons” เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกภายใต้บริษัทผลิตภาพยนตร์แห่งใหม่ของเธอ คือ RubberTreePlant
เจอเรมี บร็อค (ผู้แต่ง/ ผู้กำกับ) :
บร็อคจบการศึกษาหลักสูตรผู้กำกับของบีบีซี และประสบความสำเร็จในอาชีพเขียนบทตั้งแต่ปี 2533 เขาประพันธ์เรื่อง “Times Like These” ซึ่งนำแสดงโดยเกรต้า สกาชี่ และทิม วู้ดเวอร์ด เขาดัดแปลงนวนิยายของดิกเก้นเรื่อง “Oliver Twist” ซึ่งกำกับโดยฟิลลิด้า ลอยด์ ที่ Bristol Old Vic ในปี 2533 เขาร่วมสร้างสรรค์ละครที่ประสบความสำเร็จที่สุดของอังกฤษเรื่อง “Casualty” (ร่วมกับพอล อันวิน) และเมื่อเร็วๆ นี้มีผลงานเรื่อง “Holby City”
ภาพยนตร์เรื่อง “The Widowmarker” ของค่าย Central Films กำกับการแสดงโดย John Madden ส่วนเรื่อง “The Life and Death of Philip Knight” กำกับโดยปีเตอร์ โคสมินสกี้ ให้กับค่าย Yorkshire Television
ภาพยนตร์ขนาดยาวปานกลางของบร็อคเรื่องแรกคือ “Mrs Brown” กำกับโดยจอห์น แมนเดน จูดี้ เดนช์ รับบทพระราชินีวิคตอเรีย และบิลลี่ คอนโนลลี่รับบทจอห์น บราวน์ บร็อคได้รับรางวัล Evening Standard Award สาขาบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และภาพยนตร์เรื่องนี้ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ 2 รางวัล และรางวัล BAFTA 8 รางวัล รวมทั้งรางวัลบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม
โครงการต่อไปของบร็อคคือเรื่อง “Faith” ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงสงครามกลางเมืองอังกฤษ เรื่อง “Edgardo Mortara” เป็นเรื่องจริงของเด็กชายชาวยิวที่ถูกพระสันตะปาปาลักพาตัวในปี 2401 ต้องประสบปัญหาด้านการเงินเมื่อการผลิตจะเริ่มขึ้น โดยมีแอนโทนี ฮอบกิ้น แสดงนำ บทภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ที่กำลังพัฒนา ได้แก่ “The Last King of Scotland” และภาคใหม่ของเรื่อง “Brideshead Revisited”
ภาพยนตร์เรื่อง “Driving Lessons” เป็นผลงานการกำกับเรื่องแรกของบร็อค
อเล็กซานดร้า เฟอร์กูสัน (ผู้ช่วยผู้อำนวยการสร้าง) :
ในช่วงทศวรรษ 1990 เฟอร์กูสันทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานการผลิตให้กับการผลิตละครโทรทัศน์เรื่อง “At the Max”, “Fires of Kuwait” และ “The Secret of Life on Earth” ในปี 2544 เธอผลิตภาพยนตร์เรื่อง “The Legend of Loch Lomond” ภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ที่สร้างชื่อให้กับเธอในฐานะโปรดิวเซอร์ และไลน์โปรดิวเซอร์ ได้แก่ “Pulse : A Stomp Odyssey”, “Starlight Express 3D”, “Bugs”, “Sons of the Wind” และ “Creep”
เดวิด แคทซเนลสัน (ผู้กำกับภาพ) :
เดวิด แคทซเนลสัน มีประสบการณ์ด้านละครทีวีในช่วงห้าปีที่ผ่านมาในฐานะผู้กำกับภาพและช่างกล้องในการผลิตผลงานหลายเรื่อง และล่าสุดได้แก่ “Belonging”, “Sherlock Holmes and the Case of the Silk Stockings” และเรื่อง “Mr Harvey Lights a Candle”
เทรวอร์ เวท (บรรณาธิการ) :
เวทได้รับการคัดเลือกจากเควิน สเปซี ให้ตัดต่อภาพยนตร์เรื่องแรกที่เขากำกับ คือ “Beyond the Sea” ซึ่งนักแสดงได้เล่นบทของบ็อบบี้ ดารินด้วย นอกจากนี้ เวทยังช่วยให้ผลงานการกำกับเรื่องแรกของทิม ร็อท “The War Zone” ง่ายขึ้น ผลงานเรื่องอื่นๆ ประกอบด้วย “Jude”, “Welcome to Sarajevo” และ “Wonderland” เวทยังประสบความสำเร็จจากจอแก้วในเรื่อง “A Question of Quilt”, “Cracker”, “Hawking” และ “Bloodliness”
อมานด้า แมคอาร์เท่อร์ (ผู้ออกแบบการผลิต) :
อมานด้า แมคอาร์เท่อร์ มีประสบการณ์ในการผลิตผลงานละครเรื่องยาวทางโทรทัศน์“Coronation Street” และยังเป็นผู้ออกแบบการผลิตให้กับภาพยนตร์หลายเรื่อง อาทิ “The Candy Show”, “Passion in the Desert”, “Crush”, “Piccadilly Jim” และ “Suzie Gold”
โรบิน เฟรเซอร์-เพย์ (ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย) :
ตลอดช่วงทศวรรษ 1990 เฟรเซอร์-เพย์ ได้ใช้เวลาหลายปีในการมีส่วนเกี่ยวข้องกับสงคราม นโปเลียน ทั้งนี้ต้องยกให้เป็นความดีความชอบของริชาร์ด ชาร์ป ทหารพาลแห่งเวลลิงตัน (นำแสดงโดยชีน บีน) เขาเริ่มงานจากบริษัท “Sharpe’s Company” ในปี 2537 ตามด้วย “Sharpe’s Mission” ในปี 2539 ระหว่างนี้ได้การผลิตผลงานของ Sharpe อีก 7 เรื่อง นอกจากนี้ เขายังทำหน้าที่ในเรื่อง “Poirot” ของอกาธา คริสตี้ ที่สร้างโดยเดวิด ซูเช่ท์ หลายตอน ผลงานอื่นๆ ประกอบด้วย “A Room for Romeo Brass”, “Once Upon a Time in the Midlands”, และซีรีส์ทีวีสองเรื่อง คือ “Love Again” และ “Lie with Me”
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ