กรุงเทพฯ--21 เม.ย.--ปภ.
ในแต่ละปีมีเด็กไทยที่อายุต่ำกว่า ๑๕ ปีเสียชีวิตจากการจมน้ำกว่า ๑,๕๐๐ คน หรือเฉลี่ยวันละ ๔ คน โดยเฉพาะช่วงปิดภาคเรียน ระหว่างเดือนมีนาคม — พฤษภาคม เป็นช่วงที่เด็กเสียชีวิตจากการจมน้ำมากที่สุด เนื่องจากมีสภาพอากาศร้อน เด็กจึงมักหนีไปเล่นน้ำคลายร้อน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ขอแนะวิธีป้องกันเด็กจมน้ำ ดังนี้
เด็กอายุ ๑ — ๔ ปี ส่วนใหญ่เสียชีวิตจากการจมน้ำในภาชนะกักเก็บน้ำภายในบ้าน เนื่องจากความพลั้งเผลอของผู้ปกครองที่ไปทำธุระในช่วงเวลาสั้นๆ แม้ระดับน้ำที่เด็กตกลงไปมีระดับความลึกเพียงแค่ ๑ — ๒ นิ้ว แต่เด็กก็ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองให้ปลอดภัยได้
เด็กอายุ ๕ — ๑๕ ปี ส่วนใหญ่เสียชีวิตจากการจมน้ำเนื่องจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์และการว่ายน้ำไม่เป็น ในแหล่งน้ำธรรมชาติตามชุมชน หรือแหล่งท่องเที่ยวทางน้ำ
ในการป้องกันเด็กจมน้ำ ผู้ปกครองควรปฏิบัติ ดังนี้
- ดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด ไม่อนุญาตให้เด็กเล่นบริเวณริมตลิ่งน้ำหรือว่ายน้ำในแหล่งน้ำที่ไม่คุ้นเคย แม้เด็กจะว่ายน้ำเป็นก็ตาม รวมทั้งไม่ปล่อยให้เด็กอยู่เพียงลำพังขณะอาบน้ำ เล่นน้ำในสระน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กที่มีอายุต่ำกว่า ๓ ขวบ แม้จะเป็นช่วงเวลาเพียงชั่วขณะ
เพราะหากเกิดเหตุฉุกเฉินเด็กจะไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้อย่างปลอดภัย
- จัดสภาพแวดล้อมรอบตัวเด็กให้ปลอดภัย ปิดประตูห้องน้ำให้สนิททุกครั้งหลังจากใช้งานเสร็จเรียบร้อยแล้ว จัดให้มีฝาปิดภาชนะเก็บกักน้ำอย่างมิดชิด ไม่ตักน้ำใส่ถังตั้งทิ้งไว้ และไม่วางของเล่นบริเวณรอบสระน้ำ จัดทำรั้วกั้นบ่อน้ำ รวมทั้งจำกัดพื้นที่ในการเล่นของเด็ก
- สอนให้เด็กว่ายน้ำเป็น และเรียนรู้อันตรายจากการจมน้ำ โดยเล่ากรณีตัวอย่างให้เด็กฟังพร้อมแนะวิธีช่วยเหลือตนเองเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน และทุกครั้งที่พาเด็กโดยสารเรือหรือเล่นน้ำ ควรให้เด็กสวมใส่เสื้อชูชีพหรือห่วงยางเสมอ
ที่สำคัญ พ่อแม่ผู้ปกครองควรเรียนรู้ถึงวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นและการช่วยเหลือเด็กจมน้ำที่ถูกต้อง เพื่อช่วยเหลือบุตรหลานได้อย่างทันท่วงที