กรุงเทพฯ--23 เม.ย.--กลุ่มบริษัทจีเอเบิล
‘จีเอเบิล’ เปิดฉากปีวัวรุกตลาด IAS 39 เต็มสูบเป็นรายแรก หลังแบงก์ชาติบังคับใช้กับธนาคารทุกแห่งในประเทศไทย จับมือ FinArch ซอฟต์แวร์มาตรฐานการบัญชีชื่อดังในยุโรป มุ่งเสนอแบบแพ็คเกจ หวังกวาดเค้กชิ้นโตจากระบบ IAS 39 ในกลุ่มธุรกิจธนาคาร เผยปี 51 จีเอเบิลครองส่วนแบ่งสูงสุดของกลุ่มบริษัทไอทีไทยในธุรกิจการให้บริการไอทีในตลาดสถาบันการเงินการธนาคาร พร้อมตั้งเป้าปี 2009 ขยายตัวเพิ่ม 15 — 20 %
นายไตรรัตน์ ใจสำราญ กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทจีเอเบิล เปิดเผยถึงแนวโน้มการปรับตัวของกลุ่มธุรกิจธนาคารในเมืองไทยเพื่อรองรับมาตรฐานการบัญชีระหว่างประเทศว่า เมื่อปลายปี 2549 ธนาคารแห่งประเทศไทยได้นำ IAS39 (International Accounting Standard 39) มาตรฐานการบัญชีที่กล่าวถึงการบันทึกบัญชี และการวัดมูลค่าตราสารทางการเงินประเภทต่างๆ และตราสารอนุพันธ์ และการป้องกันความเสี่ยงมาบังคับใช้กับธนาคารทุกแห่งในประเทศไทย ซึ่งจะเริ่มมีผล ณ วันที่ 1 มกราคม 2554 โดยจะต้องมีข้อมูลเปรียบเทียบทางบัญชีย้อนหลัง 2 ปี ดังนั้นทุกธนาคารจะต้องเริ่มเก็บข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2552
“ ข้อมูล (Data) ถือว่าเป็นหัวใจหลักของการนำ IAS 39 มาใช้ รวมถึงต้องมีการจัดเก็บอย่างถูกต้องเป็นระบบ มีประสิทธิภาพ ซึ่งหากไม่เริ่มเก็บข้อมูลตั้งแต่ตอนนี้ ไม่มีระบบที่ดีเข้ามารองรับ และเมื่อถึงวันบังคับใช้จริง แม้ธนาคารจะสามารถซื้อระบบได้ แต่ก็ไม่สามารถหาซื้อข้อมูลได้ “
นายไตรรัตน์ กล่าวต่อว่า จีเอเบิลมีเจตนารมย์ที่จะนำเสนอโซลูชั่นทางด้านสถาบันการเงิน และมักตอกย้ำเสมอถึงการเป็นผู้นำในตลาดไอที ของ Financial & Banking Service Sector จีเอเบิลจึงเป็นแห่งแรกที่ได้คัดสรรโซลูชั่นที่มีประสิทธิภาพ และได้มาตรฐานระดับโลก เข้ามาตอบสนองการติดตั้งระบบ IAS 39 โดยการร่วมมือกับ FinArch บริษัทซอฟต์แวร์จากประเทศเบลเยี่ยม
FinArch มีความโดดเด่นในด้านปรัชญาการดำเนินธุรกิจ ซึ่งเติบโตมาจาก Auditor (ผู้ตรวจสอบบัญชี) จึงทำให้เข้าใจระบบบัญชีอย่างแท้จริง ได้รับการยอมรับจากธนาคารขนาดใหญ่หลายแห่งในเบลเยี่ยม และยุโรป รวมทั้งเป็นพาร์ทเนอร์ที่เคยร่วมงานกันมากว่า 2 ปี และให้ความสำคัญด้านการส่งมอบความสำเร็จร่วมกับ จีเอเบิลมาโดยตลอด
นายไตรรัตน์กล่าวถึงความร่วมมือและนโยบายการทำตลาดว่า จีเอเบิลมุ่งเน้นนำเสนอเป็นแพ็คเกจ ซึ่งประกอบไปด้วย Solution FinArch IAS 39 และ Implementation โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ Guide Line ซึ่งเปรียบ เสมือน Knowledge ที่บ่งบอกถึงข้อมูลที่จำเป็น วิธีการคิดคำนวณสูตร โดยจีเอเบิลคาดหวังที่มีส่วนแบ่งการ ตลาด IAS 39 สูงสุด เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดี สร้างข้อมูลตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องการได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ
สำหรับกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ขนาดกลางและขนาดเล็กของไทย ที่มีสิทธิ์ในการเลือก และจัดซื้อจัดหาโซลูชั่น IAS 39 ได้เองจากซัพพลายเออร์ในประเทศ ทั้งนี้โซลูชั่นดังกล่าวต้องสอดคล้องกับกฎระเบียบของธนาคารแห่งประเทศไทยด้วย
“ แบงก์ชาติประกาศบังคับใช้ IAS 39 แล้ว ดังนั้นทุกแบงก์จะต้องใช้ แต่จะใช้แบบแพ็กเกจ หรือแบบเขียนเอง ซึ่งเรามองว่า เป็นโอกาสในการเสนอเป็นแพ็คเกจ เพราะบางแบงก์พยายามเขียนต่อยอดจากสิ่งที่มีอยู่ ปัญหาก็คือ การไม่ทราบมาตรฐานที่แท้จริงคืออะไร หรือว่า รู้เพียงบางส่วนแล้วมาเขียนต่อยอดไปเรื่อยๆ ไม่ได้รองรับเป็นเรื่องราว ระบบก็จะไม่ยืดหยุ่นพอ ดังนั้นแพ็คเกจจึงตอบโจทย์ได้มากกว่า ด้วย Guide Line ให้มาเป็นเหมือน Knowledge Base หากไม่รู้เกี่ยวกับ IAS 39 มากนัก แต่ตัวระบบจะมี Guide Line ให้ ซึ่งเป็นประโยชน์ ดีกว่าที่จะไปลองผิดลองถูก “
ทั้งนี้ จีเอเบิล ใช้เวลาในการเตรียมความพร้อมของทีมงานเพื่อรองรับระบบ IAS 39 มาตลอด 1 ปี โดยประสานงานกับ FinArch ในการนำข้อบังคับต่างๆ ของธนาคารแห่งประเทศไทย ไปทำงานร่วมกับ FinArch เพื่อเลือกโซลูชั่นที่เหมาะสมกับธนาคารในเมืองไทยและสอดคล้องกับกฎของธนาคารแห่ปงระเทศไทย รวมถึงการพัฒนาทักษะทั้งด้านเทคนิค การ Implement การให้คำปรึกษา เนื่องจากการเก็บข้อมูลเข้าระบบ (Data Integration) ต้องเป็นข้อมูลที่ถูกต้องสอดคล้อง มีรูปแบบตรงตามระบบ IAS 39 พร้อมการแนะนำ Material ที่เหมาะสมมาช่วยดำเนินงาน
นายไตรรัตน์ กล่าวย้ำว่า จีเอเบิลเป็นบริษัทไอทีไทยที่มี Share Corporate สูงสุดของธุรกิจการ ให้ บริการไอทีใน Financial & Banking Service Sector โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2008 ที่ผ่านมา Sector ดังกล่าว จีเอเบิลมีรายได้ 1,500 ล้านบาท และในปี 2009 นี้ คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก 15 — 20 %
“ ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัวอยู่ในขณะนี้ ธนาคารบางแห่งจะอาศัยจังหวะปรับตัว ปรับปรุงระบบการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเพื่อรองรับกับสภาพเศรษฐกิจที่จะฟื้นตัวในอนาคต รวมถึงรองรับการแข่งขันที่นับวันจะเพิ่มสูงขึ้น ไม่เพียงแข่งกันภายในประเทศ แต่ต้องแข่งขันระหว่างประเทศด้วย ไอทีจึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญ ดังนั้นจุดนี้จึงถือว่า เป็นโอกาสที่ดีสำหรับจีเอเบิล ซึ่งธนาคารเหล่านี้มีเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันก็มีโครงการที่เรากำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งจะต้องดำเนินการต่อไปให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ “ นายไตรรัตน์กล่าวในตอนท้าย
เกี่ยวกับกลุ่มบริษัทจีเอเบิล
กลุ่มบริษัท จีเอเบิล เป็น Professional IT Services ที่ประกอบไปด้วยผู้เขี่ยวชาญมากสาขาที่สุดในประเทศไทย ด้วยนโยบายSingle Point of Contact ที่จะให้บริการภายใต้คุณภาพมาตรฐานระดับสูง แบบครบวงจร ด้วยทีมงานที่มีคุณภาพและให้บริการในตลาด IT มามากกว่า 20 ปี ประกอบไปด้วย 4 บริษัท ได้แก่
บริษัท จีเอเบิล จำกัด A Premier IT Services Provider
บริษัท เดอะ คอมมูนิเคชั่น โซลูชั่น จำกัด A Premier Network Services
บริษัท ซีดีจี ไมโครซีสเต็มส์ จำกัด A Premier IT Solutions Provider
บริษัท เฟิร์ส ลอจิก จำกัด A Premier IT Infrastructure Integrator
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ :
คุณชุติมา สีดา
คุณนุสรินทร์ เพ็ชร์หลำ
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กลุ่มบริษัทจีเอเบิล
โทร. 0-2678-0200 ต่อ 2996-9
e-mail : chutima.s@cdg.co.th