กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล
ในไตรมาส 3 ปี 2549 บริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MINT) มีรายได้รวม 2,868 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เช่นเดียวกับผลงานในอดีตของ MINT ที่มีการเติบโตในธุรกิจอาหารและธุรกิจโรงแรมมาโดยตลอด ในขณะที่บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 240 ล้านบาท ไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
เนื่องจากในไตรมาส 3 ปี 2548 บริษัทมีรายการพิเศษ โดยมีรายได้ค่าประกันภัยจากโรงแรมที่ได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติสึนามิจำนวน 40 ล้านบาท หากพิจารณาโดยไม่รวมรายการดังกล่าวแล้ว พบว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2549 บริษัทฯ กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตั้งแต่การก่อการรัฐประหารในช่วงปลายเดือนกันยายน ธุรกิจโรงแรมของ MINT ได้รับผลกระทบจากการลดระยะเวลาจองห้องล่วงหน้าให้สั้นลง หรือ การเลื่อนการจองห้องออกไปเป็นช่วงไตรมาส 1 ปี 2550 เมื่อความตึงเครียดทางการเมืองเริ่มคลี่คลาย MINT คาดว่าธุรกิจโรงแรมจะฟื้นตัวในไตรมาส 4 ปี 2549 และกลับมามีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งต่อไปในไตรมาส 1 ปี 2550 สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 881 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น 0.31 บาทต้อหุ้น เพิ่มขึ้น 16%
ในไตรมาส 3 ปี 2549 บริษัทไมเนอร์ฟูดส์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (MFG) มีรายได้รวม 1,477 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในไตรมาส 3 ปี 2549 MFG มีการรับรู้ผลการดำเนินงานทั้งหมด 100% ของธุรกิจในประเทศจีนที่ MFG เข้าไปลงทุนในช่วงสิ้นปี 2548 และการเติบโตของยอดขายต่อร้านสาขาเดิมซึ่งเพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีการขยายสาขาเพิ่ม 68 สาขา เมื่อเทียบกับจำนวนสาขาในไตรมาส 3 ปี 2548 ในเดือนตุลาคม MINT ได้ประกาศเจตจำนงค์ในการเข้าลงทุนในบริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิ เคท จำกัด (มหาชน) (S&P) เป็นสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 17 ซึ่ง S&P เป็นหนึ่งในบริษัทขนาดใหญ่ที่ทำธุรกิจอาหารและร้านอาหาร ซึ่งมีร้านอาหารและร้านเบเกอร์รี่ภายใต้ตราสินค้า S&P และอื่นๆ มากกว่า 230 ร้าน ทั้งนี้ MINT จะร่วมมือกับ S&P ในการแสวงหาผลประโยชน์ร่วมกันในการขยายธุรกิจอาหาร อาทิเช่น การดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ในต่างประเทศ และการบริการจัดส่งอาหารถึงบ้าน ซึ่งคาดว่าการลงทุนใน S&P จะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับ MINT ในอนาคต
แม้ว่าในไตรมาส 3 ปี 2549 จะเป็นช่วงที่มีความไม่แน่นอนทางการเมืองและการก่อการรัฐประหาร ประกอบกับ MINT มีการปิดปรับปรุงห้องพักบางส่วนของโรงแรม โฟร์ ซีซั่นส์ กรุงเทพ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 60 ของจำนวนห้องพัก แต่รายได้จากธุรกิจโรงแรมของ MINT ยังคงมีเสถียรภาพ โดย บริษัทฯ มีรายได้จากธุรกิจโรงแรม 994 ล้านบาท โดยที่รายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPar) เพิ่มขึ้น 3% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 2,702 บาท ในสัปดาห์หลังจากการก่อการรัฐประหารซึ่งเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนกันยายน ธุรกิจโรงแรมประสบผลกระทบในระยะสั้นจากการยกเลิกการจองห้องของแขกที่เป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลในช่วงเดือนกันยายน-พฤศจิกายน แต่อย่างไรก็ดี พบว่าแขกกลุ่มดังกล่าวได้กลับมาจองห้องอีกครั้งในช่วงไตรมาส 1 ปี 2550 ดังนั้น MINT คาดว่าผลกระทบจากรัฐประหารจะส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทเพียงระยะสั้น โดยเชื่อว่าธุรกิจโรงแรมฟื้นตัวในไตรมาส 4 ปี 2549 และและจะกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งในไตรมาส 1 ปี 2550 เนื่องจากการปิดปรับปรุงโรงแรม โฟร์ ซีซั่นส์ กรุงเทพ สร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ประกอบกับการเปิดดำเนินการโรงแรมของที่มัลดีฟส์ ได้แก่ โรงแรมอนันตรา จำนวนห้องพัก 110 ห้อง โรงแรมนาลาดู จำนวนห้องพัก 20 ห้อง และโรงแรมโฟร์ ซีซั่นส์ ที่เกาะสมุย จำนวนห้องพัก 60 ห้อง
บริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MINT) เป็นบริษัทผู้นำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ ประกอบไปด้วยธุรกิจอาหารจำนวนสาขาทั้งหมด 602 สาขา ภายใต้เครื่องหมายการค้า เดอะพิซซ่า สเวนเซ่นส์ ซิซซ์เลอร์ แดรี่ควีน เบอร์เกอร์คิง และเลอแจ๊ซ อีกทั้งยังเป็นผู้นำในธุรกิจโรงแรมซึ่งประกอบด้วย 13 โรงแรม และห้องพักประมาณ 2,300 ห้อง ภายใต้เครื่องหมายการค้า แมริออทส์ โฟร์ซีซั่นส์ อนันตรา และในเครือไมเนอร์อินเตอร์เนชั่นแนล ทั้งในประเทศไทย มัลดีฟส์ และเวียดนาม ในขณะเดียวกันบริษัทเป็นพันธมิตรกับ แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ร่วมลงทุนในการสร้าง Marriott Vacation Club Time Share ที่ภูเก็ต จำนวน 144 ห้อง นอกจากนี้ MINT ยังเป็นผู้ให้บริการด้านสปาที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค โดยมีสถานบริการ 23 แห่งในประเทศไทย จีน และประเทศแถบตะวันออกกลาง ภายใต้เครื่องหมายการค้า Mandara , The Spa และ Anantara รายละเอียดเพิ่มเติมเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ www.minornet.com
Press Contacts: Pratana Manomaiphiboon / Prapharat Tangkawattana / Jim Fralick at Tel: (662) 381-5151