กรุงเทพฯ--23 เม.ย.--ดีซี คอนซัลแทนส์ แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง คอมมูนิเคชั่นส์
โรงพยาบาลนครธน เดินเครื่องรุกตลาดปี 2552 สวนกระแสเศรษฐกิจ ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการแพทย์ฝั่งธนบุรี ทุ่มงบประมาณกว่า 15 ล้านบาท เปิดตัวศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร (ART Centre) ด้วยจุดเด่นการใช้การแพทย์แบบผสมผสาน ภายใต้แนวคิด “อบอุ่น ใส่ใจ ให้เวลา” เพื่อสร้างความพร้อมทั้งกาย ใจ สู่โอกาสในการมีบุตรที่สมบูรณ์พร้อม
น.พ.วิโรจน์ ตระการวิจิตร ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลนครธน เปิดเผยว่า การเปิดตัวศูนย์การแพทย์เฉพาะทางเพื่อผู้มีบุตรยากในครั้งนี้นับเป็นความสำเร็จอีกก้าวหนึ่งของโรงพยาบาลนครธนซึ่งมีแผนขยายฐานกลุ่มลูกค้าใหม่ให้มากขึ้นทั้งกลุ่มลูกค้าภายในและกลุ่มเป้าหมายภายนอก ให้พร้อมก้าวสู่การเป็น Nakornthon Family Lifestyle Hospital ตอบสนองความต้องการทางการแพทย์ของผู้ป่วยอย่างครบวงจรในทุกช่วงวัย
“ที่ผ่านมาโรงพยาบาลนครธนได้ทุ่มงบประมาณ เพื่อพัฒนาศูนย์การแพทย์เฉพาะทางต่างๆ ผ่านการจัดการแบบ Strategic Business Unit (SBU) ที่จะสร้างสถานพยาบาลเฉพาะทางครบวงจร เพื่อให้ครอบคลุมผู้ป่วยทุกกลุ่มอายุ สอดคล้องกับการดำรงชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้คนในสังคมปัจจุบัน อาทิ ศูนย์ภูมิแพ้ ศูนย์สุขภาพ ศูนย์ผิวหนัง ความงามและเลเซอร์ ศูนย์จักษุ ศูนย์ทันตกรรม ศูนย์สุขภาพเด็ก ศูนย์สุขภาพสตรี และไทย เมดิคอลสปา โดยใช้ การแพทย์แบบองค์รวม มีการใช้การแพทย์แผนไทยประยุกต์ร่วมกับการรักษาตามหลักแพทย์แผนปัจจุบัน เพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด”
ล่าสุดโรงพยาบาลนครธนได้จัดสรรงบประมาณกว่า 15 ล้านบาท เพื่อพัฒนาศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร (ART Centre) ขึ้นมาให้สมบูรณ์พร้อม ทั้งด้านการก่อสร้าง การวิจัยและพัฒนา ห้องปฏิบัติการที่ทันสมัยได้มาตรฐานสากล ตลอดจนมีการฝึกอบรมบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในการเพาะเลี้ยงและดูแลตัวอ่อน และที่สำคัญยังถูกสร้างให้เป็นระบบปลอดเชื้ออย่างสมบูรณ์แบบทั้งหมด ตามมาตรฐานสากล ซึ่งยังมีเพียงไม่กี่แห่งในประเทศไทย โดยมี น.พ. พิสิฐ ตันติวัฒนากุล แพทย์เฉพาะทางด้านภาวะผู้มีบุตรยาก ซึ่งจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยโมนาช (Monash University) เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย เข้ามาช่วยบริหาร ตลอดจนดูแลกระบวนการต่างๆ ทุกขั้นตอนตัวเองอีกด้วย ทั้งขั้นตอนการเพาะเลี้ยงตัวอ่อน และการประกอบวิธีจุลหัตถการ เพื่อแก้ไขปัญหาการมีบุตรยากอันเนื่องมาจากน้ำเชื้อฝ่ายชายมีปัญหา
“สำหรับศูนย์ดังกล่าวมีขนาดพื้นที่กว่า 150 ตารางเมตร สามารถรองรับและให้บริการแก่ผู้ที่ต้องการขอคำปรึกษาได้กว่า 10 คน ต่อวัน ซึ่งเชื่อว่าจุดเด่นเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ป่วยมีความมั่นใจในศักยภาพการให้บริการได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ทางโรงพยาบาลนครธนคาดการณ์ว่าจะได้รับผลตอบรับที่น่าพอใจ” น.พ. วิโรจน์กล่าว
ด้าน น.พ. พิสิฐ ตันติวัฒนากุล แพทย์เฉพาะทางด้านภาวะผู้มีบุตรยากเสริมต่อว่า “สภาพการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนแปลงของผู้คนในปัจจุบันโดยเฉพาะอย่างชีวิตของคนเมืองที่ต้องดำเนินไปด้วยความเร่งรีบ ผจญกับปัจจัยเสี่ยงต่างๆ และความเคร่งเครียดมากขึ้น ทำให้มีคู่สมรสมากถึงร้อยละ 15 ที่ประสบกับปัญหาภาวะมีบุตรยาก ทั้งระดับปฐมภูมิในกลุ่มผู้ไม่เคยมีบุตรร้อยละ 3.3 และระดับทุติยภูมิที่เคยมีบุตรแล้วแต่ไม่สามารถมีบุตรได้อีกร้อยละ 15.8 และยังมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ
นอกเหนือจากที่จะใช้เทคโนโลยีรักษาภาวะมีบุตรยากที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เช่น การผสมเทียม การทำกิฟต์ การปฏิสนธินอกร่างการด้วยการทำเด็กหลอดแก้ว การทำพรอสท์ อิคซี่ การบริจาคไข่ ตัวอ่อน อสุจิ ตลอดไปจนถึงการตรวจความผิดปกติทางพันธุกรรมของตัวอ่อนก่อนการฝังตัว (Preimplantation Genetic Diagnosis — P.G.D.) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีการที่เพิ่มโอกาสให้ทารกที่มากำเนิดมีสุขภาพแข็งแรงแล้ว ทางศูนย์ยังมีความพร้อมในการรองรับเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงสเตมเซลล์ในอนาคตอีกด้วย ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตรของโรงพยาบาลนครธนยังมุ่งเน้นการรักษาด้วยหลักการแบบองค์รวมให้เกิดความสมดุลระหว่างทางร่างกายและจิตใจ เพื่อให้ผู้เข้ารับการรักษารู้สึกผ่อนคลายมากที่สุดตามแนวคิด “อบอุ่น ใส่ใจ ให้เวลา” ร่วมกับการผสมผสานการแพทย์แผนโบราณอย่างลงตัว
“ความเครียดถือเป็นตัวแปรสำคัญของการตั้งครรภ์ การผ่อนคลายความตึงเครียด ความวิตกทางอารมณ์เป็นสิ่งจำเป็นมากตั้งเเต่ช่วงก่อนตั้งครรภ์เเละระหว่างตั้งครรภ์ วงการแพทย์ปัจจุบันยอมรับว่า การแพทย์ทางเลือกบางแขนงสามารถนำมาปรับใช้ร่วมกับการรักษาภาวะมีบุตรยากได้เช่นกัน ช่วยให้ผู้รักษาผ่อนคลายจากความตึงเครียด ทำให้การรักษามีเปอร์เซนต์ความสำเร็จสูงขึ้น เช่น การฝังเข็มกระตุ้นไข่ การนวดกดจุดตามหลักการแพทย์จีนโบราณ รวมถึงการใช้วารีบำบัด และอโรมาเธอราปี เป็นต้น จุดนี้ถือเป็นข้อได้เปรียบของโรงพยาบาลนครธนที่มีศูนย์การแพทย์เฉพาะทางครบวงจร” อาจารย์สุกัญญา หงส์ประภาส แพทย์แผนไทยของโรงพยาบาลนครธนเสริม
ทางด้านแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต จากเสถียรธรรมสถาน ได้ให้ข้อคิดเห็นเพิ่มเติมว่า ความพร้อมทางด้านจิตใจของคุณแม่ รวมไปถึงตัวคุณพ่อเอง ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะนอกจากจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้สภาวะร่างกายแข็งแรงพร้อมสู่การให้กำเนิดบุตรแล้ว ยังถือเป็นจุดเริ่มต้นของการมีบุตรที่ดี เนื่องจากเมื่อมารดามีจิตใจที่ดี ที่สงบ สิ่งเหล่านั้นย่อมจะส่งต่อไปเป็นเหตุแห่งการกำเนิดบุตร ที่มีความพร้อมและมีคุณภาพที่ดี เป็นอภิชาติบุตร ผู้เจริญด้วยอริยะ เเละ อัจฉริยะภาพต่อไป
ทั้งนี้ทางศูนย์มีการฝึกอบรมพยาบาลผู้ให้การดูแลอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งมีแผนจัดเวิร์คชอปให้ความรู้บุคคลทั่วไปเกี่ยวกับการตั้งครรภ์อยู่เป็นประจำ อาทิ การจัดกิจกรรมสปาใจตลอดจนการนำวิถีพุทธหลักธรรมะมาประยุกต์ลดภาวะความตึงเครียด และเตรียมความพร้อมทางด้านจิตใจของมารดา ซึ่งทางโรงพยาบาลเชื่อว่าเมื่อมารดามีความพร้อมทางด้านจิตใจที่ดี นอกจากจะทำให้มีโอกาสตั้งครรภ์บุตรได้มากขึ้นแล้ว ก็จะนำไปสู่การกำเนิดบุตรที่ดี มีคุณภาพ เป็นอภิชาตบุตร อีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร โรงพยาบาลนครธน โทร. 02-416-5454 หรือ 02-450-9999