กรุงเทพฯ--23 เม.ย.--เอไอจี
เอไอจีได้ประกาศถึงการเร่งจัดตั้งเอไอยู โฮลดิ้งส์ เป็นองค์กรอิสระในรูปแบบนิติบุคคลเฉพาะกิจ ซึ่งมีโครงสร้างคณะกรรมการบริหาร คณะผู้บริหารและแบรนด์ที่แยกจากเอไอจีอย่างชัดเจน ตามแผนที่ได้มีการประกาศเมื่อวันที่ 2 มี.ค. ที่ผ่านมา นี่เป็นก้าวแรกที่สำคัญยิ่ง เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเสนอขายหุ้นส่วนน้อยรวมถึงการนำเสนอขายหุ้นแก่สาธารณะ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวะของตลาดทุน
เอไอยู โฮลดิ้งส์ เป็นการรวมธุรกิจประกันวินาศภัยที่สำคัญสามกลุ่มเข้าด้วยกัน ประกอบด้วย AIG’s Commercial Insurance, Foreign General Insurance และ Private Client Group units
มร.สตีเวน บาร์เน็ต ประธานและผู้บริหารสูงสุดของเอไอจี กล่าวว่า การจัดตั้งเอไอยู โฮลดิ้งส์เป็นนิติบุคคลเฉพาะกิจ เป็นก้าวสำคัญที่จะสร้างบริษัทประกันวินาศภัยที่มีความเข้มแข็งนี้ให้เป็นธุรกิจอิสระ เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ ผู้ถือหุ้น ผู้ถือกรมธรรม์ พนักงาน และพันธมิตรทางธุรกิจภายใต้การจัดตั้งนิติบุคคลเฉพาะกิจนี้ เอไอจีลงทุนในเอไอยู โฮลดิ้งส์ และเป็นหุ้นบุริมสิทธิ์และหุ้นสามัญตามสัดส่วนในนิติบุคคลเฉพาะกิจนี้ นอกจากนี้เอไอจีจะทำการซื้อหุ้นของบริษัท International Lease Finance Corporation, United Guaranty Corporation และ Transatlantic Holdings, Inc. (Transatlantic) คืนจากเอไอยู โฮลดิ้งส์ ซึ่งจะทำให้เอไอยู โฮลดิ้งส์มีความเป็นอิสระและแยกจากเอไอจีอย่างชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้น การขายสินทรัพย์ดังกล่าวจะทำให้เอไอยู โฮลดิ้งส์ มีสถานะทางการเงินที่แข็ง
แกร่งขึ้นไปอีกเพื่อสนับสนุนความสำเร็จในอนาคต
มร.คริสเตียน พี มัวร์ ประธานบริษัทเอไอยู โฮลดิ้งส์ อิงก์ กล่าวว่า การเร่งดำเนินการตามแผนการดังกล่าวจะช่วยให้ เอไอยู โฮลดิ้งส์ มีความเป็นอิสระเร็วขึ้น อันเป็นประโยชน์ที่ดีที่สุดสำหรับผู้ถือกรมธรรม์ทุกคนและเป็นการคงมูลค่าของบริษัทที่มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และมีเบี้ยประกันภัยรับรวมกว่า 36,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯในปี 2551 บริการลูกค้าหลายล้านคนทั่วโลก และเรามีความตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งกับการก้าวเข้าสู่ภาพลักษณ์ใหม่ของธุรกิจประกันวินาศภัยระดับโลก
มร.นิโคลัส ซี วอลส์ รองประธานของเอไอยู โฮลดิ้งส์ กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้จะทำให้เอไอยู โฮล ดิ้งส์ ซึ่งเป็นเครือข่ายธุรกิจระดับโลก จะยังคงเป็นผู้นำในธุรกิจประกันวินาศภัยต่อไปการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารกลางสหรัฐ โดยกล่าวว่า“การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการพยายามที่จะแยกธุรกิจหลักที่มีความสำคัญให้อยู่ในสถานะที่เป็นประโยชน์สูงสุด ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับบริษัท ลูกค้า และพนักงาน และยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงการก้าวไปข้างหน้าของเอไอจีในการที่จะชำระคืนเงินที่ได้รับความช่วยเหลือจากประชาชนสหรัฐฯผู้เสียภาษีทุกคน