กรุงเทพฯ--20 พ.ย.--ปชส.จร.
นายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ 18 วันที่ 15-16 พฤศจิกายน 2549 ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ว่า หนึ่งในหัวข้อที่สมาชิกได้หารือกันอย่างกว้างขวางคือ ข้อเสนอของสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจของเอเปค (APEC Business Advisory Council: ABAC) ที่ให้เอเปคมีการจัดตั้งเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิค (Free Trade Area for Asia-Pacific : FTAAP)
นายเกริกไกร ยืนยันว่า ระบบการค้าพหุภาคีเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ดังนั้นควรยึดมั่นในการเจรจารอบโดฮาและผลักดันให้มีสำเร็จ นอกจากนั้นเอเปคก็ยังมีงานอีกมากที่จะต้องดำเนินการเพื่อให้สามารถเปิดเสรีการค้าการลงทุนได้ตามเป้าหมายโบกอร์ภายในปี 2010 ซึ่งขณะนี้เหลือเวลาอีกเพียง 3 ปี สำหรับ FTAAP นั้น นายเกริกไกรเห็นว่า ในขณะนี้ การจัดทำ FTAAP เป็นเรื่องยากเนื่องจากสมาชิกมีความแตกต่างในระดับการพัฒนาทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง และหากเอเปคจะจัดทำ FTAAP ภายหลังการเปิดเสรีรอบโดฮาและเป้าหมายโบกอร์เสร็จแล้วก็จะไม่มีประโยชน์เพราะสมาชิกได้ลดอุปสรรคทางการค้าลงมากแล้ว
นอกจากนี้ เอเปคยังได้หารือเกี่ยวกับการเจรจารอบโดฮา และต่างเห็นพ้องกันที่จะช่วยผลักดันการเจรจากลับฟื้นขึ้นมาและมีความคืบหน้า และให้นาย Pascal Lamy นำสมาชิกกลับมาเจรจากันต่อ โดยเรียกร้องให้สมาชิกไม่ว่าจะเป็นสมาชิกหรือไม่ใช่สมาชิกเอเปคยืดหยุ่นท่าทีของตนให้มากกว่าที่ได้ให้ไว้ก่อนการระงับการเจรจา
ในโอกาสนี้ นายเกริกไกรได้แสดงความยินดีต่อเวียดนามที่เข้าเป็นสมาชิก WTO และแสดงเจตนารมณ์ที่จะให้ความร่วมมือกับเวียดนามอย่างเต็มที่เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะให้การปรับตัวของเวียดนามเป็นไปอย่างราบรื่นและได้รับประโยชน์จากการเข้าเป็นสมาชิก WTO ขณะเดียวกันก็ได้กล่าวถึง นโยบายการค้าของไทยที่ยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยเปิดเสรีอย่างรอบคอบ มีระบบ ควบคู่กับการใช้คุณธรรม และไม่ปิดกั้น ไทยยังคงให้การสนับสนุนและความสำคัญกับการเจรจาการค้าพหุภาคี และการรวมตัวของอาเซียน ส่วน FTA ไทยก็จะพิจารณาจัดทำกับประเทศที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน
นอกจากนี้ จากการที่ปัจจุบันสมาชิกได้มีการจัดทำ RTAs/FTAs กันมากและแต่ละฉบับก็มีกฎเกณฑ์แตกต่างกันออกไป เอเปคจึงได้จัดทำ model measures หรือ RTAs/FTAs เพื่อเป็นต้นแบบสำหรับการจัดทำ RTAs/FTAs ของสมาชิก โดยในปีนี้ รัฐมนตรีเอเปคได้รับรอง model measures จำนวน 6 เรื่องจากทั้งหมด 14 เรื่อง ประกอบด้วย Trade in goods; Technical Barriers to Trade; Transparency; Government Procurement, Dispute Settlement และ Cooperation โดยข้อบทที่เหลืออยู่ให้ทำต่อไปในปีหน้าซึ่งมีข้อทที่เป็นข้อเสนอของไทยรวมอยู่ด้วย คือ SPS; Anti-Dumping; Rules of Origin; Countervailing and ountervailing Measures
อนึ่ง ในประชุมครั้งนี้ รัฐมนตรีเอเปคยังได้เห็นชอบในแผนงาน 2 เรื่องของเอเปค คือ แผนปฏิบัติงานเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้า (Trade Facilitation Action Plan) ในช่วงต่อไปเพื่อลดต้นทุนการทำธุรกรรมทางการค้าภายในภูมิภาคลงอีก 5% ในปี 2010 และแนวทางการปฏิบัติเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนตระหนักถึงสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา และป้องกันไม่ให้สินค้าละเมิดผ่านเข้ามาทางช่องทางการค้าตลอดช่วง supply chain