กรุงเทพฯ--27 เม.ย.--เฟรเกรนท์ กรุ๊ป
เฟรเกรนท์ กรุ๊ป สบช่องช่วงเศรษฐกิจซบปรับโครงสร้างบริษัทฯ เพิ่มบุคลากร เชื่อพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่ง ชี้ตลาดคอนโดมิเนียมยังมีความต้องการสูงโดยเฉพาะย่านใจกลางเมือง หวังดันแบรนด์ “Circle” ติดอันดับผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมระดับบนในอนาคตอันใกล้
นายเจมส์ ดูอัน กรรมการผู้จัดการ เฟรเกรนท์ กรุ๊ป ผู้พัฒนาโครงการ Circle บนถ. เพชรบุรีตัดใหม่ เปิดเผยว่า บริษัท ฯ มีเป้าหมายระยะยาวที่จะสร้างฐานธุรกิจในประเทศไทย โดยเน้นที่การพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในย่านใจกลางธุรกิจ เนื่องจากประเทศไทยยังเป็นตลาดที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งจากข้อมูลโดยสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพบว่า อัตราการเจริญเติบโตของประชากร และแนวโน้มการเจริญเติบโตของรายได้ จะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ความต้องการทางด้านที่อยู่อาศัยในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างมาก และคอนโดมิเนียมในเมืองจะเป็นที่อยู่อาศัยที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจากการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่
“สำหรับแผนระยะยาวใน 10 ปี เราตั้งเป้าที่จะเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมระดับบน ด้วยการนำเสนอโครงการที่มีมาตรฐานสูง ให้กับลูกค้าของเรา โดยในช่วงที่เศรษฐกิจมีการชะลอการเติบโตนี้ เราจะถือโอกาสปรับโครงสร้างธุรกิจ และทีมงานให้มีความแข็งแกร่งเพื่อรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และในระยะเวลา 5 ปีจากนี้ เฟรเกรนท์จะมีการเคลื่อนไหวมากขึ้น เมื่อเทียบกับปัจจุบัน” เขากล่าว
นอกจากนี้แล้ว นายเจมส์ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า บริษัท ฯ ยังมองหาโอกาสที่จะลงทุนในธุรกิจโรงแรม หรือสำนักงานให้เช่า เพื่อที่จะสร้างรายได้ประจำให้กับบริษัท ฯ ในระยะยาว อย่างไรก็ตาม โครงการต่าง ๆ ของเฟรเกรนท์ จะต้องพิจารณาสถานการณ์ทางการเงินเป็นหลัก เพื่อควบคุมให้อัตราส่วนหนี้สินต่อสินทรัพย์ (D/E) อยู่ในระดับที่เหมาะสม และการมีกระแสเงินสดที่ดี ซึ่งจะช่วยป้องกันผลกระทบที่อาจจะเกิดจากวิกฤตที่ไม่คาดคิดได้ในอนาคต
เฟรเกรนท์ กรุ๊ป เริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศไทยเมื่อปีพ.ศ. 2547 โดยการพัฒนาโครงการ “Fragrant 71” ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมมูลค่า 250 ล้านบาท บนถนนสุขุมวิท 71 ที่มีราคาขายเฉลี่ยประมาณ 50,000 บาท/ตาราเมตร ต่อมาในปีพ.ศ. 2549 เฟรเกรนท์ได้พัฒนาโครงการ “The Prime 11” คอนโดมิเนียมหรูมูลค่ากว่า 1,400 ล้านบาท บนถ. สุขุมวิท 11 มีราคาขายเฉลี่ยประมาณ 90,000 บาท/ตารางเมตร และสำหรับโครงการล่าสุด “Circle” บนถ. เพชรบุรี36 ซึ่งมีมูลค่าโครงการสูงถึง 4,000 ล้านบาท และราคาขายเฉลี่ยประมาณ 90,000 บาท/ตารางเมตร
ในปัจจุบัน โครงการ “The Prime 11” นั้นมียอดขายกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งการก่อสร้างจะแล้วเสร็จในเดือนกรกฏาคมปีนี้ และมีการโอนให้กับลูกค้าได้ในเดือนสิงหาคม ส่วนโครงการ “Circle” นั้นสามารถสร้างยอดขายได้กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ แม้ว่าจะเป็นโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งทั้ง 2 โครงการคาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ภายในสิ้นปีนี้ โดยเฉพาะการเปิดดำเนินการของ Airport Link ที่จะช่วยส่งเสริมการขายในโครงการ “Circle” ได้เป็นอย่างดี
“หากคุณเปรียบเทียบเฟรเกรนท์กับผู้พัฒนาคอนโดมิเรียมรายอื่น ๆ ในตลาด เราอาจจะดูว่าไม่มีความเคลื่อนไหวมากนัก แต่นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญที่เราสนใจ เราต้องการที่จะเติบโตอย่างช้า ๆ และมั่นคง โดยในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจชะลอการเติบโต จะเป็นเวลาที่เราจะใช้ในการหาที่ดินที่เหมาะสม ซึ่งใน 1 ปี เราอาจจะพัฒนามากกว่าหนึ่งโครงการ แล้วแต่ความเหมาะสมของสถานการณ์ เราคิดว่าในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอการเจริญเติบโตเป็นโอกาสดีที่เราจะได้ปรับปรุงการบริหารงาน เสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมงาน เพื่อรองรับการฟื้นตัวของตลาดในอนาคตอีกด้วย” นายเจมส์กล่าว