แคมป์หน้าร้อน...สอนวิธีคิดแบบใหม่

ข่าวทั่วไป Tuesday April 28, 2009 11:12 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--28 เม.ย.--Hello!...fuschia ช่วงปิดเทอมหน้าร้อนแบบนี้ เด็ก ๆ ในชนบทมักหากิจกรรมสนุก ๆ ทำ หรือไม่ก็ช่วยครอบครัวในการทำมาหากินกลางท้องไร่ท้องนา ซึ่งก็ถือว่าได้เรียนรู้ธรรมชาติไปในตัว แต่เด็กในเมืองโดยเฉพาะกรุงเทพ สิ่งที่เห็นจนชินตาคือการนอนอยู่บ้าน เล่นอินเตอร์เนต เล่นเกมส์ ดูทีวี หรือไม่ก็ออกไปเที่ยวเล่นตามห้างสรรพสินค้า แคมป์หน้าร้อนดูจะเป็นทางเลือกใหม่ให้เด็กและพ่อแม่ผู้ปกครองในเมืองกรุง มีทั้งแคมป์ที่เน้นหนักการสอนวิชาการติวเข้มเรียนพิเศษเตรียมความพร้อมสำหรับเด็กในภาคเรียนต่อไป หรือจะเป็นแคมป์ที่เน้นกิจกรรมความสนุก ไปเที่ยวมีทั้งที่ทัศนศึกษาต่างจังหวัด หรือแม้กระทั่งไปเรียนรู้การใช้ชีวิตในต่างประเทศ แต่มีน้อง ๆ เยาวชนกลุ่มหนึ่งร่วมร้อยคน อายุตั้งแต่ 8-16 ปี ใช้เวลา 5 วันในการมาเรียนรู้การสร้างเป้าหมายในชีวิตกับ แคมป์ “I am gifted so are you!” ซึ่งโด่งดังมากเป็นแคมป์ที่ได้รับความนิยมมากในสิงคโปร์ อินโดนิเชีย มาเลเซีย และ เวียดนามมาแล้ว ทำไมแคมป์นี้จึงฮอตฮิตมาแล้วทั่วเอเชีย และแคมป์นี้สอนอะไรบ้าง พี่กิฟท์ เกียรติมน เลิศวิทยา พี่สาวใจดีจาก อดัม คู เอ็ดดูเคชั่น กรุ๊ป ให้คำตอบว่า “หัวใจสำคัญของแคมป์นี้ คือการดึงศักยภาพในตัวเด็กออกมาให้มากที่สุด เด็กทุกคนมีความเก่งอยู่ในตัวเอง แต่ตัวเองไม่รู้ พ่อแม่ไม่รู้ หรือขาดความมั่นใจในตัวเอง และสิ่งที่พบมากในเด็ก ๆ คือ ไม่รู้ว่าเรียนไปเพื่ออะไร ดังนั้นสิ่งสำคัญอันดับแรกคือต้องสร้างแรงบันดาลใจให้เด็ก ๆ ตั้งเป้าหมายในชีวิต เรียนรู้ว่าการเรียนให้อะไรแก่พวกเขา และมีความสำคัญต่อตัวเขาและครอบครัวอย่างไรบ้าง ขณะที่ก็จะผสมผสานกับการสอนเทคนิคด้านความเป็นเลิศทางวิชาการ เช่น เทคนิคการอ่านเร็ว แผนที่ความคิดช่วยเรื่องจำ การจำคำศัพท์ การใช้สมองทั้งสองซีก การเรียนการสอนในแคมป์นี้เป็นภาษาอังกฤษ เด็ก ๆ จึงได้ฝึกฝนการใช้ภาษาอังกฤษไปในตัวด้วยค่ะ ส่วนสุดท้ายคือสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะเราเป็นแคมป์สำหรับเด็กเอเชีย เรารู้ว่าพื้นฐานของคนเอเชียคือความอบอุ่นในครอบครัวและความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นในบ้าน ดังนั้นความรักความเข้าใจจากคนในครอบครัวมีส่วนช่วยอย่างมากให้เด็กประสบความสำร็จ เด็ก ๆ จะได้รับรู้สิ่งที่อยู่ในใจแต่พวกเขาอาจหลงลืมหรือไม่กล้าแสดงความรักและความรู้สึกออกมา นั่นคือ ความรักที่ยิ่งใหญ่ของพ่อแม่และครอบครัวที่มีต่อเขา และการตอบแทนคนที่รักเราที่สุดในโลกด้วยการตั้งใจเรียน เป็นเด็กดี และรู้ว่าเป้าหมายในชีวิตของเขาไม่ใช่เพื่อตัวเด็กเองเท่านั้น แต่เพื่อครอบครัวและคนที่เขารัก” น้องดาด้า เด็กหญิงสุชาดา เช็คลีย์ สาวน้อยวัยเพียง 10 ปี มาร่วมแคมป์ครั้งนี้ บอกว่า “ตอนแรกหนูกลัวมาก เพราะหนูเรียนโรงเรียนไทย กลัวฟังครูพูดอังกฤษไม่รู้เรื่อง แต่พออยู่สักพักก็ปรับตัวได้ และมีพี่เลี้ยงคนไทยช่วยแปลถ้าเราไม่เข้าใจ สิ่งที่หนูได้จากแคมป์นี้คือ หนูกล้าขึ้น กล้าพูดกับคนอื่น กล้ายกมือตอบคำถาม โดยไม่กลัวผิด ไม่อายที่จะบอกว่าหนูไม่รู้ และหนูมีเพื่อนเยอะแยะเลยทั้งที่ตัวเล็กแบบหนู และพี่ ๆ ตัวโต มาเล่นสนุก แบ่งปันของให้กัน มีน้ำใจช่วยเหลือกัน และหนูว่าหนูเก่งขึ้นนะ จำคำศัพท์ได้ รู้ว่าจะอ่านยังไงแล้วดึงใจความสำคัญออกมา ครูสอนไม่ได้ให้ท่องปาว ๆ แต่เราต้องรู้ว่าพูดถึงอะไรจริง ๆ และที่สำคัญพอกลับบ้านไปหนูไปบอกรักคุณแม่ ไปบอกคุณแม่ว่า หนูรู้ว่าหนูจะเรียนไปเพื่อแม่ เพราะแม่ทำงานหาเงินมาเลี้ยงหนู ให้ความรักและทุกอย่างกับหนู หนูรู้ว่าต้องทำอะไรให้แม่ชื่นใจ นั่นคือการเรียนเก่ง ๆ และเป็นเด็กดีค่ะ” สำหรับน้องแพทริค ชานน มกรมณี วัยโจ๋อายุ 13 ปี เล่าให้ฟังถึงสิ่งที่ได้รับจากแคมป์คือ “ตอนแรกก็คิดว่าเหมือนไปเรียนพิเศษทั่วไป ครูสอนก็แบบอยากนอน ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง ยิ่งเป็นภาษาอังกฤษด้วย ไม่อยากมีส่วนร่วม ไม่ตอบไม่ถาม อายครับ แต่พอได้รู้ว่า ทุกอย่างทุกคนทั้งพ่อแม่ ครอบครัว ครู ทำสิ่งนี้เพื่อตัวเรา แล้วทำไมเราไม่ทำเพื่อตัวเอง ก็เลยเปลี่ยนความคิดรู้จักกล้าที่จะถาม กล้าตอบ เมื่อก่อนเคยอาย เคยกลัวว่าถามไปคนอื่นจะคิดว่าเราไม่ฉลาด หรือถ้าตอบผิดเราจะกลายเป็นคนโง่ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าการตอบผิดไม่ใช่เรื่องผิด มีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นครับ ส่วนเรื่องการเรียนผมว่าผมได้อะไรดี ๆ เยอะ ครูสอนเทคนิคการจำ ทั้งที่จำเป็นเรื่องราว เป็นรูปภาพ เป็นแผนที่ความคิด หรือการอ่านที่ทำให้เราเข้าใจอย่างถ่องแท้ การเรียงลำดับความสำคัญ ก่อน-หลัง เป็นขั้นตอนมีสมาธิมากขึ้น และสิ่งสำคัญคือ ผมรู้สึกดีกับตัวเอง รู้ว่าตัวเรามีคุณค่า เราทำได้ถ้าเราต้องการทำ และรู้ว่าจะทำเพื่อใคร วันนี้ผมรู้ว่าผมจะเรียนเพื่อครอบครัวผมได้ภูมิใจในตัวผมครับ” ส่วน น้องนก ชุติมณฑน์ สมพงษ์ อายุ 16 ปี จากโรงเรียนบดินทร์เดชาเล่าว่า “ สิ่งแรกที่หนูเปลี่ยนไปคือหนูรู้แล้วว่า หนูมีชีวิตอยู่เพื่อใคร มีเป้าหมายในชีวิตว่าหนูจะเป็นอะไร และคนที่อยู่ข้าง ๆ หนูตลอดคือพ่อกับแม่ หนูต้องทำเพื่อพวกท่านบ้าง เหมือนเรารู้ว่าเรามีความฝันนะ เรามีเป้าหมายไว้แล้ว แล้วเราจะไปถึงฝันได้ยังไง วิธีการคือการเรียน ดังนั้นเราเรียนให้ได้ดีขึ้น ครูติดอาวุธให้หนูเพื่อจะเดินทางไปถึงฝันนั้น ทั้งเรื่องความจำ การคิดแบบเป็นระบบ คำศัพท์ การอ่านเร็ว ทุกอย่างจะทำให้หนูเดินไปถึงความฝันนั้น ระหว่างทางมีพ่อแม่คอยช่วยสนับสนุนหนู หนูเชื่อมั่นว่าหนูทำได้ ทั้งเพื่อตัวเองและพ่อแม่ค่ะ” นอกจากด้านเทคนิคการเรียนในห้องเรียนแล้ว การเปลี่ยนแปลงวิธีคิด มีทัศนคติเชิงบวก มีความมั่นใจในตัวเอง คือสิ่งที่น้อง ๆ ในแคมป์นี้ได้รับ แต่สิ่งที่เหนือกว่าที่จะหล่อหลอมให้เด็ก ๆ ประสบความสำเร็จและก้าวสู่เป้าหมายได้อย่างมั่นคง คือการสนับสนุนและช่วยเหลือจากครอบครัวที่เต็มเปี่ยมด้วยความรัก ความเข้าใจ และการให้กำลังใจ ดูจะเป็นอาวุธที่ดีที่สุดของเด็ก ๆ ในการก้าวสู้สังคมภายนอกอย่างภาคภูมิ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 080 586 0980 คุณชมพู Hello!...fuschia (ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ