กรุงเทพฯ--29 เม.ย.--คอร์ แอนด์ พีค
รายงานบทความพิเศษใน www.spamfighter.com ระบุว่า ในขณะที่ผู้สร้างมัลแวร์จะปล่อยโค้ดร้ายอย่างรวดเร็วทันทีที่เห็นจุดอ่อนหรือช่องโหว่ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์หรืออินเทอร์เน็ต นักวิจัยภัยคุกคามของบริษัท เทรนด์ ไมโครก็ตรวจพบจำนวนมัลแวร์ที่เพิ่มมากขึ้นและทำงานรวดเร็วขึ้นกว่าที่เคยพบในปี 2551
นักวิจัยภัยคุกคามของบริษัท เทรนด์ ไมโคร กล่าวว่านี่แสดงให้เห็นว่ารูปแบบของภัยคุกคามที่เกิดขึ้นบนอินเทอร์เน็ต และที่แฮคเกอร์เป็นผู้คิดค้นขึ้นมานั้นก็เพื่อผลประโยชน์ในรูปของตัวเงินเป็นหลัก และทำให้เครื่องมือที่สำคัญอย่างเว็บไซต์ติดเชื้อร้ายมัลแวร์ ซึ่งภัยคุกคามจำนวนมากเหล่านี้จะใช้ช่องทางการโจมตีโดยผ่านทางอินเทอร์เน็ต และพร้อมแพร่กระจายเชื้อร้ายให้ผู้ใช้งานทุกคนที่กำลังท่องโลกอินเทอร์เน็ต
มัลแวร์เปลี่ยนมาใช้ช่องโหว่ของ DNS (โดเมน เนม เซิร์ฟเวอร์) ซึ่งสามารถสั่งการโดยตรงไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งานจำนวนหนึ่งให้เปลี่ยนทิศทางไปยังเว็บไซต์ที่เป็นอันตราย แนวโน้มดังกล่าวมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้นในปี 2551 รวมถึงการใช้ช่องโหว่จากบราวเซอร์ เช่น ช่องโหว่ zero day สำหรับโปรแกรมไมโครซอฟท์ อินเทอร์เน็ต เอ็กซ์โพลเรอร์ได้กลายเป็นที่ชื่นชอบของแฮคเกอร์ช่วงปี 2551 นอกจากนี้ยังมีการโจมตีบราวเซอร์อื่นๆ เกิดขึ้น ก่อนที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาความปลอดภัยข้อมูลขององค์กรจะสามารถแก้ไขข้อบกพร่องเหล่านี้ได้ทัน
ยิ่งไปกว่านั้นอัตราการเติบโตของมัลแวร์ที่มีการขโมยข้อมูลนั้นมีเพิ่มมากขึ้นในปี 2551 มัลแวร์ที่ขโมยข้อมูลตั้งเป้าที่จะขโมยข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ในระบบคอมพิวเตอร์ และส่งไปที่บ็อต (โปรแกรมซึ่งทำหน้าที่แบบอัตโนมัติตามที่ผู้สั่งงานกำหนด) หรือส่งข้อมูลไปที่อาชญกรบางคนเพื่อให้ดำเนินการทุจริตผิดกฏกหมาย หรือนำข้อมูลไปขายในตลาดมืด
นักวิจัยภัยคุกคามของบริษัท เทรนด์ ไมโคร กล่าวต่อว่าสหรัฐอเมริกาถือเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสแปม (อีเมลขยะ) คิดเป็น 22.5 เปอร์เซ็นต์ของสแปมทั้งหมด ในขณะที่ยุโรปเป็นทวีปที่ได้รับสแปมมากที่สุด ประเทศจีนมีอัตราการขยายตัวของสแปมอย่างรวดเร็ว ประมาณ 7.7 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2551 เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศรัสเซีย, บราซิล และเกาหลีใต้ที่มีปริมาณสแปมเพียง 5.23 เปอร์เซ็นต์หรือน้อยกว่า
ผู้เชี่ยวชาญจากเทรนด์ ไมโคร เตือนว่าผลประโยชน์ด้านการเงินที่ได้รับจะยังเป็นแรงจูงใจในการพัฒนามัลแวร์รูปแบบใหม่ๆ ตลอดปีนี้ ภัยคุกคามเหล่านี้จะใช้เทคนิคและวิธีการใหม่ๆ เหมือนอย่างที่เปลี่ยน DNS ให้เป็นโทรจัน ผู้สร้างมัลแวร์จะใช้เครื่องมือที่ดีที่สุดเท่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน
นอกจากนี้ มัลแวร์เรียกค่าไถ่ (ransomware) ที่คาดว่าจะเพิ่มมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ และจะสร้างความเสียหายให้กับองค์กรขนาดเล็ก ขนาดกลาง แทนที่จะเป็นที่กลุ่มลูกค้าผู้ใช้งานตามบ้าน
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาความปลอดภัยแนะนำผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ให้ติดตั้งระบบป้องกัน ภัยคุกคามข้อมูลแบบหลายระดับชั้นเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น และองค์กรต่างๆ ควรให้ความรู้เกี่ยวกับภัยคุกคามข้อมูลเหล่านี้แก่พนักงานในองค์กรเพื่อที่พวกเขาจะสามารถเตรียมตัวเองให้พร้อมรับมือกับภัยคุกคามต่างๆ เหล่านี้ได้
สื่อมวลชนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
คุณบุษกร สนธิกร และคุณศรีสุพัฒ เสียงเย็น
ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ บริษัท คอร์ แอนด์ พีค จำกัด
โทร. 0-2439-4600 ต่อ 8202, 8300
อีเมล: busakorns@corepeak.com, srisuput@corepeak.com