กรุงเทพฯ--29 เม.ย.--ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เผยผลการดำเนินงานไตรมาสแรกของปี 2552 ปล่อยสินเชื่อได้ 22,507 ล้านบาท จากเป้าสินเชื่อทั้งปี 73,500 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,095 ล้านบาท พร้อมวางมาตรการกันและแก้ไขปัญหา NPL ช่วยเหลือลูกค้าที่ประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ เน้นนโยบายติดตามดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) แถลงผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2552 (ก่อนการรับรองงบการเงินจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน) ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 ว่าธนาคารมีผลกำไรสุทธิ จำนวน 1,095 ล้านบาท โดยธนาคารได้ตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญในไตรมาสแรกนี้ไปแล้วจำนวน 1,243 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2552 ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างทั้งสิ้น 623,772 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.07% ด้านเงินฝากธนาคารมียอดเงินฝากรวม 515,594 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.82 % สินทรัพย์รวม 663,637 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.59% โดย 3 เดือนที่ผ่านมา ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อให้ประชาชนไปแล้วทั้งสิ้น 33,581 ราย จำนวนเงิน 22,507 ล้านบาท จากเป้าสินเชื่อทั้งปี 73,500 ล้านบาท โดยมี NPL (ไม่รวมลูกหนี้ดำเนินคดี) จำนวน 63,321 ล้านบาท คิดเป็น 10.51% ของยอดสินเชื่อ (ไม่รวมลูกหนี้ดำเนินคดี) ลดลง 0.14% จากช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่ทรัพย์สินรอการขาย (NPA) คงเหลือสุทธิตามงบการเงิน มีจำนวน 9,785 ล้านบาท ลดลง 3.87 % แต่หากหักยอดที่มีการขายผ่อนดาวน์แล้ว จะทำให้ธนาคารมียอด NPA คงเหลืออยู่เพียง 7,683 ล้านบาท โดยธนาคารสามารถจำหน่ายทรัพย์ NPA ได้ทั้งสิ้น 390 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงดำเนินตามแผนงานในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพย์ NPA ให้ลดลงมากที่สุด เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่าย และเสริมสภาพคล่องให้กับธนาคารโดยธนาคารมีแผนจัดประมูลขายทรัพย์ NPA เป็นประจำทุกปีๆ ละ 3 ครั้ง เพื่อเป็นทางเลือกให้ประชาชนในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยในทำเลที่ถูกใจ และเมื่อวันเสาร์ที่ 25 เมษายน ที่ผ่านมา ธนาคารได้จัดประมูลขายทรัพย์ NPA ครั้งที่ 1/2552 โดยสามารถขายทรัพย์ NPA ทั่วประเทศได้ทั้งสิ้น 505 รายการ เป็นจำนวนเงิน 300 ล้านบาท นอกจากนี้สำหรับลูกค้าที่ต้องการซื้อทรัพย์ NPA สามารถติดต่อได้โดยตรงที่ฝ่ายบริหารทรัพย์สิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือดูรายละเอียดทรัพย์ได้ที่ www.ghbhomecenter.com
“ในปีนี้ธนาคารได้มีนโยบายในการติดตามดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด โดยได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งแบ่งเป็นกลุ่มลูกหนี้สวัสดิการที่มีการผ่อนชำระหนี้ปกติ (PL) แต่ได้รับความเดือดร้อนจากภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ ส่งผลให้ความสามารถในการชำระหนี้ลดลงหรือไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ โดยธนาคารจะพิจารณาขยายระยะเวลาการกู้เพื่อให้เงินงวดในการผ่อนชำระน้อยลง หรือลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ หรือให้ผ่อนเงินงวดเฉพาะดอกเบี้ยเงินกู้ประจำเดือนบวกเงินต้นประมาณ 100 บาท โดยลูกค้าต้องมีหลักฐานจากหน่วยงานเจ้าของสวัสดิการมีหนังสือถึงธนาคารมาแสดงว่ามีรายได้ลดลงจากการถูกลดวัน - เวลาทำงาน ถูกลดเงินเดือน หรือถูกเลิกจ้างงาน เป็นต้น ส่วนลูกค้าที่เป็น NPL ธนาคารได้มีมาตรการผ่อนปรนโดยให้ลูกค้าผ่อนชำระเงินงวดลดลงเป็นการชั่วคราว อาทิ ให้ผ่อนชำระเฉพาะดอกเบี้ยเป็นการชั่วคราว ขยายระยะเวลาการกู้และคิดเงินงวดใหม่จากเงินต้นคงเหลือ การลดอัตราดอกเบี้ยเป็นกรณีพิเศษเป็นการชั่วคราวเพื่อให้ผ่อนชำระน้อยลงตามความสามารถในช่วงที่รายได้ลดลง และการปรับโครงสร้างหนี้โดยพักชำระดอกเบี้ยที่ค้างเก่าซึ่งมาตรการดังกล่าวสามารถใช้ควบคู่กันได้ ทั้งนี้เพื่อช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระในการผ่อนชำระเงินงวดให้แก่
ลูกค้าประชาชน” นายขรรค์กล่าว