กรุงเทพฯ--14 มี.ค.--แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์
LPN เผยสถานการณ์การเมืองส่งผลกระทบเพียงด้านจิตวิทยา มั่นใจ “บ้าน” ยังเป็นปัจจัย 4 ที่ขาดไม่ได้ ลูกค้าอาจใช้เวลาศึกษาข้อมูลนานมากขึ้น เชื่อดีมานด์ตลาดคอนโดระดับกลางยังมีอยู่สูง โชว์ไตรมาสแรก ณ ปัจจุบันกวาดยอดขายได้มากกว่า 1,000 ยูนิต ไม่หวั่นคู่แข่ง เพราะดีมานด์มีกระจายอยู่ทุกทำเล เพียงแต่ผู้ประกอบการจะพัฒนาโครงการตรงใจผู้บริโภค ทั้งด้านทำเลและราคาหรือไม่ พร้อมเดินหน้าเปิดตัวโครงการลุมพินี เพลส รัชดา-ท่าพระ เร็วๆ นี้
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ รักษาการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่ชัดเจนในขณะนี้ว่า บริษัทฯ ได้มีการติดตามและประเมินผลกระทบต่อยอดขายและจำนวนผู้เข้าชมโครงการอย่างต่อเนื่อง พบว่า ได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย ซึ่งเป็นผลกระทบเชิงจิตวิทยาในระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น เพราะอย่างไรก็ตามที่พักอาศัยยังถือเป็นปัจจัย 4 ที่ผู้บริโภคมีความต้องการ โดยเฉพาะสำหรับกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-กลางล่างที่ถือว่าเป็นฐานลูกค้ากลุ่มใหญ่ บริษัทฯ จึงยังคงเดินหน้าขยายการพัฒนาโครงการไปยังทำเลใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าพร้อมจะเปิดตัวโครงการลุมพินี เพลส รัชดา-ท่าพระ อาคารชุดพักอาศัยสูง 29 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 900 ยูนิต มูลค่าประมาณ 1,500 ล้านบาท บนถนนรัชดา-ท่าพระในเร็วๆ นี้ และการที่ LPN มีนโยบายไม่สะสม Land Bank ถือเป็นข้อได้เปรียบทางธุรกิจ โดยบริษัทฯ จะศึกษาและวิจัยถึงความต้องการของที่อยู่อาศัยในแต่ละทำเล รวมถึงเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียก่อนการพัฒนาโครงการ ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนแผนงานได้อย่างรวดเร็ว
“ประสบการณ์จากการผ่านช่วงวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 ทำให้ LPN พยายามพัฒนาแนวทางการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา กลยุทธ์การบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด (Cost Leadership) ถือเป็นจุดแข็งอีกข้อหนึ่งที่ทำให้บริษัทฯ ประสบความสำเร็จ สามารถกำหนดราคาขายที่สอดรับกับกำลังซื้อและความสามารถในการผ่อนชำระในอนาคตของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ ถึงแม้ตลาดคอนโดระดับกลาง ณ ปัจจุบันจะมีผู้ประกอบการให้ความสนใจเข้ามาพัฒนาสินค้าเพื่อตอบสนองลูกค้ากลุ่มเดียวกับ LPN มากขึ้น แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่า ในทุกทำเลยังมีความต้องการคอนโดมิเนียมระดับราคาเฉลี่ย 30,000-50,000 บาทต่อตารางเมตรอยู่ เพียงแต่ผู้ประกอบการจะเลือกทำเลและพัฒนารูปแบบสินค้าได้โดนใจกลุ่มเป้าหมายมากน้อยเพียงใด มีดีมานด์กระจายไปอยู่ทั่วกรุงเทพ เพียงแต่เราจะหาคีย์ของความต้องการนั้นเจอหรือไม่ ซึ่งนี่คือโจทย์ที่ผู้ประกอบการต้องตีให้แตก” นายโอภาส กล่าวเพิ่มเติม
สำหรับยอดขายรวมของไตรมาสแรกปี 2549 ปัจจุบันบริษัทฯ สามารถปิดการขายได้ถึง 1,032 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 1,987 ล้านบาท โดยยอดขาย 25% มาจากโครงการที่ต่อเนื่องมาจากปี 2548 และอีก 75% มาจากโครงการลุมพินี เพลส พหล-สะพานควาย ที่เปิดตัวไปเมื่อกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทฯ สามารถปิดการขายเฉพาะส่วนที่เปิดขายได้ทั้งหมด โดยคาดว่าจะเปิดขายในส่วนที่เหลือเมื่อการก่อสร้างคืบหน้าไปพอสมควร
สำหรับในปี 2549 บริษัทฯ มีแผนที่จะพัฒนาคอนโดมิเนียม จำนวน 5 โครงการ มูลค่ากว่า 8,600 ล้านบาท โดยนอกจากโครงการลุมพินี เพลส พหล-สะพานควาย อาคารชุดพักอาศัย สูง 29 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 1,093 ยูนิต มูลค่า 2,200 ล้านบาทแล้ว ในช่วงไตรมาสที่ 2 นี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดตัวอีก 2 โครงการ ได้แก่โครงการลุมพินี เพลส รัชดา-ท่าพระ ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในเดือนเมษายนนี้ และอีก 1 โครงการในย่านปิ่นเกล้า ส่วนอีก 2 โครงการที่เหลือคาดว่า จะเปิดตัวได้ประมาณไตรมาส 3 และ 4 ของปี นอกจากนี้บริษัทฯ มีแผนรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดจาก 4 โครงการ ได้แก่ 1) ลุมพินี เซ็นเตอร์ นวมินทร์ 2) ลุมพินี เพลส ปิ่นเกล้า 3) ลุมพินี วิลล์ สุขุมวิท 77 4) ลุมพินี วิลล์ ศูนย์วัฒนธรรม รวม 3,333 ยูนิต มูลค่ารวมประมาณ 5,000 ล้านบาท
เสาวนีย์ จีระเดชาธรรม, สุปรียา ปิ่นเกตุ
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โทร. 02-285-5011-6 ต่อ 553, 504