กรุงเทพฯ--4 ส.ค.--ซีพีเอฟ
ซีพีเอฟ แจงผลประกอบการครึ่งปีแรกทำยอดขาย 6 หมื่นล้าน-กำไร 1,573 ล้านบาท มั่นใจสิ้นปียอดขายแตะ 130,000 ล้านบาทจากธุรกิจสัตว์น้ำที่เติบโตต่อเนื่อง พร้อมประกาศปันผลประจำไตรมาส 2 เป็น 0.07 บาทต่อหุ้น
นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรก (มกราคม-มิถุนายน) ของปี 2549 ที่ผ่านมาว่า ซีพีเอฟสามารถทำยอดขายได้เป็นจำนวน 59,325 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนร้อยละ 13 คิดเป็นผลกำไรสุทธิ 1,573 ล้านบาท โดยในไตรมาส 2 รายงานกำไรจำนวน 1,023 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 86 จากไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ปัจจัยหลักมาจากการที่ธุรกิจสัตว์น้ำทั้งในและต่างประเทศดีขึ้น
ทั้งนี้ คาดว่าในครึ่งปีหลังบริษัทจะสามารถทำยอดขายได้ถึงเป้าหมายที่ 130,000 ล้านบาท จากธุรกิจสัตว์น้ำที่เติบโตตามแผนงาน โดยเฉพาะในประเทศอินเดียและกิจการโรงงานอาหารสัตว์น้ำในมาเลเซียที่ได้เริ่มดำเนินงานแล้วในปลายไตรมาส 2 ซึ่งจะส่งผลให้ยอดขายของซีพีเอฟในครึ่งปีหลังสูงกว่าครึ่งปีแรก
“กำไรสุทธิในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1 อย่างโดดเด่น จากธุรกิจสัตว์น้ำในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในอินเดีย มีผลดำเนินงานดีขึ้นจากไตรมาส 1 และคาดว่าจะยังคงดีต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งรวมถึงธุรกิจสัตว์น้ำในมาเลเซีย ที่เพิ่งสร้างโรงงานอาหารสัตว์น้ำแล้วเสร็จ และเริ่มดำเนินการในปลายไตรมาส 2 ที่ผ่านมา รวมถึงการขยายธุรกิจที่มาเลเซียไปยังการแปรรูปและส่งออก ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายใน 1-2 เดือนนี้ ส่วนการลงทุนในรัสเซียก็จะเริ่มมีรายได้ในช่วงปลายไตรมาส 2 ปี 2550”
พร้อมกันนี้ ซีพีเอฟได้ประกาศจ่ายเงินปันผลจำนวน 0.07 บาท ต่อหุ้น จากผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปีนี้ ให้กับผู้ถือหุ้นในวันที่ 1 กันยายนนี้ ซึ่งจะทำการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นในวันที่ 18 สิงหาคม 2549 (ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 15 สิงหาคม 2549)
อนึ่ง ปัจจัยที่ทำให้ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้มีอัตรากำไรลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 61% เนื่องจากการระบาดของไข้หวัดนกทั่วโลก ที่ส่งผลให้ระดับราคาเฉลี่ยของสินค้าเนื้อสัตว์ที่จำหน่ายในประเทศของกิจการสัตว์บกในประเทศไทย ตุรกี และประเทศอื่นๆ อยู่ในระดับต่ำกว่าเมื่อ 6 เดือนแรกของปีก่อน อีกทั้งในไตรมาส 2 ของปี 2548 บริษัทยังมีการบันทึกกำไรจากการขายเงินลงทุน จำนวน 812 ล้านบาทด้วย
นายอดิเรก กล่าวเสริมว่า บริษัทจะยังคงดำเนินกลยุทธในการสร้างตลาดสินค้าอาหารปรุงสุกพร้อมรับประทานเพิ่มขึ้น และกิจกรรมด้านการตลาดเพื่อสร้างแบรนด์ ทั้งในและต่างประเทศจะยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง สำหรับตลาดในประเทศไทย ซีพีเอฟได้เริ่มเสนอสินค้ากุ้งปรุงสุกพร้อมรับประทานเข้าสู่ตลาด เช่น เกี๊ยวกุ้งคัพที่จำหน่ายผ่านร้านเซเว่นอีเลฟเว่น และล่าสุด ได้แนะนำกุ้งต้มสุกซีพี ที่มีรสชาติ หวาน อร่อย สีสวยน่ารับประทานออกสู่ตลาดอีกตัวหนึ่ง นอกจากนี้ ยังได้ส่งสินค้าไส้กรอกสไตล์ญี่ปุ่น ในแบรนด์ ซีพี-โยเนะคิว เข้าสู่ตลาดอีกผลิตภัณฑ์หนึ่ง หลังจากได้ร่วมทุนกับ โยเนะคิวคอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาสินค้าส่งขายทั้งในประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
สำนักสารนิเทศ CPF
โทร. 0-2625-7344-5