กรุงเทพฯ--4 พ.ค.--Triple J Communication
นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า กบง.เห็นชอบให้ใช้หลักเกณฑ์เพื่อคำนวณต้นทุนราคาเอทานอลเป็นการชั่วคราวในระยะเวลา 6 เดือน โดยให้ประกอบ ไปด้วยต้นทุนการผลิต (Cost Plus) จากทั้งกากน้ำตาล และมันสำปะหลังตามสัดส่วนที่ผลิตจริง ซึ่งหากภายใน 6 เดือนนี้มีการประกาศราคาซื้อขายเอทานอลของประเทศบราซิลจะแล้วนำเสนอ กบง. พิจารณาหลักเกณฑ์เพื่อคำนวณต้นทุนราคาเอทานอลอีกครั้ง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำทั่วโลกทำให้ความต้องการใช้น้ำมันรวมทั้งเอทานอลเพื่อใช้รถยนต์ลดลงจนไม่มีความจำเป็นต้องนำเข้าเอทานอลจากประเทศบราซิล จนถึงขั้นที่ไม่มีรายงานการซื้อขายเอทานอลในตลาดบราซิลตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม 2552 เป็นต้นมา ส่งผลให้ สำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ไม่สามารถคำนวณราคาเอทานอลเพื่อการออกประกาศราคาเอทานอลที่ใช้อ้างอิงสำหรับการซื้อขายเอทานอลได้ และเพื่อเป็นการช่วยเหลืออุตสาหกรรมเอทานอลของประเทศ โดยเฉพาะในประเด็นราคาเอทานอลอ้างอิงที่ประกาศใช้ไม่สะท้อนทุนการผลิต จนทำให้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ไม่สามารถดำเนินการผลิตได้ ทำให้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินการตามนโยบายส่งเสริมพลังงานทดแทนของประเทศ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบให้ขยายเวลาการดำเนินโครงการจำหน่ายน้ำมันในเขตทะเลอาณาเขตให้ชาวประมงชายฝั่งออกไปอีก 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. 52 — วันที่ 14 พ.ย. 52 โดยใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงบริหารและจัดการเพื่อให้ราคาน้ำมันตามโครงการต่ำกว่าราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว 2 บาท/ลิตร และหากสิ้นสุดการขยายเวลาดังกล่าวแล้วนั้นได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพลังงาน พิจารณาความเหมาะสม ในการขยายระยะเวลาดังกว่าอีกครั้งหนึ่ง
นอกจากนี้ยังได้อนุมัติงบเพื่อสนับสนุนโครงการส่งเสริมรถยนต์ FFV จำนวน 357 ล้านบาท โดยมอบหมายให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เป็นผู้ดำเนินโครงการ และการชดเชยภาษีสรรพสามิตรถยนต์ FFV ร้อยละ 3 นั้นให้มีผลตั้งแต่วันที่ประกาศของ พพ. เรื่อง”การขอรับเงินจากกองทุนน้ำมันชดเชยภาระภาษีสรรพสามิตรถยนต์ FFV อัตรา ร้อยละ 3” มีผลบังคับใช้ อีกทั้งได้เห็นชอบในการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการวิจัยปัญหาการจ่ายเงินชดเชยและการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากการปรับภาษีน้ำมัน และแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณานโยบายการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน
ทั้งนี้เพื่อให้การดำเนินงานไม่ซ้ำซ้อนกับการดำเนินการกำกับกิจการไฟฟ้าของ กกพ. ตาม พรบ.ประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 ที่ประชุมจึงได้มีมติเห็นชอบให้ยกเลิกคณะอนุกรรมการภายใต้ กบง. จำนวน 4 คณะ คือ คณะอนุกรรมการกำกับดูแลอัตราค่าไฟฟ้าและบริการ คณะอนุกรรมการพิจารณาระเบียบการเชื่อโยงระบบไฟฟ้า คณะอนุกรรมการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนสำหรับผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก และคณะอนุกรรมการประเมินและคัดเลือกข้องเสนอการซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน นอกจากนี้ยังได้เห็นชอบให้ปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ สำหรับน้ำมันแก๊สโซฮอส E85 ลดลง 2.30 บาท/ลิตร จากเดิม 5.70 บาท/ลิตร เป็นชดเชย 8.00 บาท/ลิตร ซึ่งยอดจำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอส E85 ณ มี.ค. 52 มีปริมาณประมาณ 12,000 ลิตร คิดเป็นภาระการชดเชย 5.70 บาท/ลิตร เทียบเท่า 68,400 บาท/เดือน การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ จะทำให้ภาระชดเชยเพิ่มขึ้นอีก 27,600 บาท/เดือน เป็นยอดชดเชยทั้งสิ้น 96,000 บาท/เดือน อีกทั้งเพื่อเป็นการส่งเสริมผู้ค้าน้ำมันให้ขยายโครงข่ายให้กว้างขวางมากขึ้น ทั้งนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค. 52 เป็นต้นไป
Boontariga Palajoom (Kai)
Public Relations Officer
Triple J Communication Co.,Ltd
Tel: 0-2967-1470-2 Fax: 0-2967-1474