กรุงเทพฯ--6 พ.ค.--บีโอไอ
คณะอนุกรรมการส่งเสริมการลงทุน ไฟเขียวการลงทุนใน 5 โครงการด้านเอทานอล และไฟฟ้าจากพลังงานชีวมวล มูลค่าเงินลงทุนกว่า 2.5 พันล้านบาท ใช้วัตถุดิบในประเทศทั้งสิ้น 1.2 พันล้านต่อปี บีโอไอ ชี้อานิสงส์จากความพร้อมด้านวัตถุดิบ คาดปีนี้ยังมีลงทุนด้านพลังงานเพิ่มขึ้น
นางหิรัญญา สุจินัย ที่ปรึกษาด้านการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาโครงการ ได้อนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนในกิจการผลิตเอทานอล และการผลิตกระแสไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวล รวม 5 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนกว่า 2,548 ล้านบาท คาดว่าจะก่อให้เกิดการใช้วัตถุดิบที่ได้จากผลผลิตทางการเกษตรในประเทศไม่ต่ำกว่า 1,190 ล้านบาทต่อปี
โดยกิจการที่ได้รับการส่งเสริมในครั้งนี้ ประกอบด้วย การผลิตเอทานอล 99.5% ของบริษัทในเครือน้ำตาลไทยรุ่งเรือง ใช้วัตถุดิบจากกากน้ำตาล โดยเป็นการลงทุนใน 2 บริษัท มูลค่าเงินลงทุนรวม 1,332 ล้านบาท ได้แก่ บริษัท บ้านไร่พลังงาน จำกัด เงินลงทุน 666 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่จังหวัดอุทัยธานี และบริษัท ฟิวเจอร์ ฟูเอล จำกัด เงินลงทุน 666 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ กำลังการผลิต 43,800,000 ลิตร/ปี/แห่ง โดยแผนการจัดจำหน่ายของทั้ง 2 บริษัทจะมุ่งเน้นการจำหน่ายทั้งในประเทศ และการส่งออกไปต่างประเทศ
และได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุนในกิจการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวล จำนวน 3 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 1,216.40 ล้านบาท ประกอบด้วย บริษัท กรีนไบโอ เอ็นเนอร์จี 19 จำกัด ได้รับส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวล ขนาด 6 เมกะวัตต์ โดยใช้แกลบเป็นวัตถุดิบ เงินลงทุน 340 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งไฟฟ้าที่ผลิตได้ จะใช้สำหรับภายในโรงไฟฟ้าของบริษัท และส่วนหนึ่งจะจำหน่ายให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
บริษัท สตาร์ พาวเวอร์ แพลนท์ จำกัด ได้รับส่งเสริมการลงทุน ใน 2 โครงการ ตั้งอยู่ที่จังหวัดตาก ได้แก่ การผลิตไฟฟ้าแบบพลังงานร่วมใช้แกลบเป็นเชื้อเพลิง ขนาดกำลังการผลิต 8.9 เมกะวัตต์ เงินลงทุนทั้งสิ้น 696.4 ล้านบาท และโครงการลงทุนผลิตไฟฟ้าจากไอน้ำเชื้อเพลิงชีวมวล เงินลงทุน 180 ล้านบาท โดยเป็นการผลิตไฟฟ้าจากไอน้ำเชื้อเพลิงชีวมวล กำลังการผลิต 8.9 เมกกะวัตต์
“ความสนใจเข้ามาลงทุนในโครงการในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและศักยภาพในการเป็นฐานรองรับการผลิตพลังงานทดแทนของประเทศไทย ซึ่งมีความพร้อมในด้านของวัตถุดิบทางด้านการเกษตรที่มีอย่างเพียงพอ โดยในปีนี้แม้ว่าจะมีสถานการณ์เศรษฐกิจ และปัญหาด้านการเมือง แต่คาดว่าการลงทุนในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับพลังงานและพลังงานทดแทนจะยังเป็นเป้าหมายหลัก และเป็นกลุ่มหลักที่มีการลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น” นางหิรัญญากล่าว