กรุงเทพฯ--25 พ.ค.--กรมการค้าต่างประเทศ
นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเปิดเผยว่า ผลจากการสืบสวนและทดสอบของสำนักงานอาหารและยาของสหรัฐฯ (USFDA)
ได้ตรวจพบสารเบนซีน (Benzene) ปริมาณสูงในเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ หรือ soft drink บางประเภท เช่น น้ำผลไม้ น้ำหวาน น้ำอัดลมชนิดต่างๆ และน้ำโซดา
ทำให้วิตกว่าอาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค เนื่องจากเบนซีนเป็นสารก่อมะเร็งชนิดหนึ่ง
ทั้งนี้สำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมสหรัฐฯกำหนดปริมาณสารเบนซีนที่อนุญาตให้พบในน้ำดื่มได้ไม่เกิน 5 ppb เท่านั้น สารเบนซีนเกิดจากการทำปฏิกิริยากันของวัตถุเจือปนอาหาร 2 ชนิด คือ โซเดียมเบนโซเอต (Sodium benzoate) ซึ่งเป็นสารกันเสีย และวิตามินซี (Ascorbic Acid) ที่ใช้เป็นสารกันการเกิดออกซิเดชั่นในเครื่องดื่ม โดยมีตัวเร่ง คือ อุณหภูมิและแสง ดังนั้น USFDA จึงแนะนำว่าผู้ผลิต soft drink ไม่จำเป็นต้องเติมวิตามินซีในเครื่องดื่ม เพราะปกติสามารถพบได้ในผลไม้โดยธรรมชาติอยู่แล้ว
สำหรับโซเดียมเบนโซเอตสามารถหลีกเลี่ยงโดยใช้สารอื่นแทน กฎหมายของประเทศต่างๆอนุญาตให้ใช้เบนโซเอต และวิตามินซี ที่อาจเป็นสาเหตุของการเกิดเบนซีนในเครื่องดื่มได้ดังนี้
เบนโซเอต วิตามินซี
สหรัฐอเมริกา : 1,000 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ตามมาตรฐาน GMP
สหภาพยุโรป : 150 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ไม่ระบุ
ออสเตรเลีย/นิวซีแลนด์ : 1,000 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ตามมาตรฐาน GMP
ญี่ปุ่น : 1,000 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ไม่มีมาตรฐาน
โคเด็กซ์ : 1,000 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ตามมาตรฐาน GMP
ไทย : 1,000 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ตามความเหมาะสม (เฉพาะในน้ำผลไม้)
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศกล่าวเพิ่มเติมว่า สหรัฐฯเป็นผู้นำเข้า เครื่องดื่มชนิดไม่มีแอลกอฮอล์จากไทยเป็นจำนวนมากถึง 47 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2547 และ 58 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2548 เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.42 ดังนั้น ผู้ส่งออกควรระมัดระวังในการใช้สารโซเดียมเบนโซเอต และวิตามินซี ในการผลิตเครื่องดื่มชนิดไม่มีแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันการเกิดสารเบนซีน และเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสินค้าส่งออกไทย
ที่มา: www.nfi.or.th “Early Warning Report อเมริกาพบสารก่อมะเร็ง “Benzene” ในเครื่องดื่ม”