กรุงเทพฯ--11 พ.ค.--กบข.
นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ(กบข.) เปิดเผยว่าหลักการลงทุนข้อหนึ่งในการลดความเสี่ยง คือการกระจายเงินลงทุนไม่ให้กระจุกตัวอยู่ในกลุ่มสินทรัพย์ประเภทใดประเภทหนึ่ง และสิ่งที่สำคัญในการวัดประเมินผลการดำเนินการนั้นต้องมีการกำหนดตัวเทียบวัดของแต่ละกลุ่มตราสารที่เหมาะสมด้วย ไม่ว่าจะเป็นตราสารหนี้ ตราสารทุน เพื่อใช้เปรียบเทียบวัดผลตอบแทนของกองทุนว่าสูงขึ้นหรือต่ำกว่าตัวเทียบวัดที่กำหนดไว้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยระยะสั้นเป็นการวัดผลการดำเนินงานในแต่ละปี ส่วนระยะยาวเป็นการวัดผลตอบแทนโดยรวม ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้ชนะเงินเฟ้อในระยะยาวโดยเฉลี่ยซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 3.3 รวมทั้งเพื่อให้สมาชิกมีเงินใช้อย่างพอเพียงภายหลังเกษียณอายุราชการ
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาคณะกรรมการ กบข. กำหนดให้ กบข.ใช้ตัวเทียบวัดตามประเภทของกลุ่มตราสาร ซึ่งเครื่องมือวัดต่างๆ ดังกล่าวจะต้องสะท้อนเป้าหมายของการลงทุนได้อย่างเหมาะสมที่สุด และสามารถใช้เป็นกรอบในการกำกับการบริหารกองทุนของผู้จัดการกองทุนโดยทางอ้อมได้ด้วย ทั้งนี้ ยังสอดคล้องกับการที่ กบข. เป็นกองทุนบริหารเงินออมระยะยาวเพื่อการเกษียณอายุ ซึ่งมีนโยบายและวัตถุประสงค์ของการลงทุนจะเน้นที่การลงทุนในระยะยาวเป็นหลัก อาทิ ตราสารทุนหรือหุ้นในประเทศใช้ดัชนีผลตอบแทนรวมของดัชนีราคาหุ้น 50 อันดับแรกของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ( SET50 Index หรือ SET50 Total Return) เป็นตัวเทียบวัด ส่วนเงินฝากและตราสารหนี้ระยะสั้น ใช้ดัชนีตราสารหนี้ประเภทตั๋วเงินคลังระยะสั้น (T-bill) ส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวใช้กลุ่มดัชนีตราสารหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่มีอายุคงเหลือตั้งแต่ 0-10 ปี (Thai BMA รุ่นอายุ 0-10 ปี) เป็นต้น
นอกจากนี้ กบข. ยังมีการติดตามและประเมินผลการลงทุนโดยฝ่ายบริหารความเสี่ยงการลงทุนและฝ่ายกำกับนโยบายการลงทุน เพื่อตรวจสอบให้มั่นใจว่าการดำเนินงานด้านการลงทุนเป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งได้มีการกำหนดเป็นตัวเทียบวัดและแนวทางการลงทุนไว้อย่างชัดเจน ควบคู่ไปกับการกำกับดูแลและการประเมินที่มีประสิทธิภาพ สำหรับผู้สนใจข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนของ กบข. สามารถติดตามได้ทางเว็บไซต์ กบข. ที่ www.gpf.or.th