บ้านปูฯ รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/ 2552 กำไรเพิ่มจากราคาขายถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้น

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday May 12, 2009 11:07 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--12 พ.ค.--บ้านปู บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1 ปีงบประมาณ 2552 (1 มกราคม 2552 — 31 มีนาคม 2552) มีกำไรสุทธิจำนวนทั้งสิ้น 4,798 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 2,724 ล้านบาท หรือร้อยละ 131 เป็นผลมาจากราคาขายถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งกำไรจากธุรกิจถ่านหินในประเทศจีนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2552 ที่ผ่านมาของบริษัทฯ สะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่ดีของธุรกิจหลักคือ ถ่านหินและไฟฟ้า โดยมีกำไรจากธุรกิจถ่านหินจำนวน 3,632 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,872 ล้านบาท หรือร้อยละ 378 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่กำไรจากธุรกิจไฟฟ้าคิดเป็นจำนวน 1,166 ล้านบาท ลดลง 148 ล้านบาท หรือร้อยละ 11 จากงวดเดียวกันของปี 2551 ซึ่งมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 504 ล้านบาท “กำไรสุทธิของธุรกิจถ่านหินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 378 ในไตรมาส 1 ของปีนี้นั้น เป็นผลจากราคาขายถ่านหินเฉลี่ยปรับสูงขึ้นเป็น 84.23 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 71 จากงวดเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้มาจากการทำสัญญาราคาขายในช่วงที่ราคาถ่านหินในตลาดโลกเพิ่มขึ้นในปีก่อน ประกอบกับต้นทุนการผลิตถ่านหินของเหมืองในอินโดนีเซียปรับตัวลดลงจากการลดลงของราคาน้ำมันดีเซล นอกจากนี้ กำไรจากธุรกิจถ่านหินในประเทศจีนได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างเด่นชัดจากปีก่อนหน้า จากราคาขายที่สูงขึ้นในสาธารณรัฐประชาชนจีน ทั้งนี้บริษัทฯ รับรู้ผลกำไรจากธุรกิจถ่านหินในประเทศจีน จำนวน 1,134 ล้านบาท ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามปริมาณการจำหน่ายถ่านหิน จำนวน 4.08 ล้านตันในไตรมาสนี้ ลดลงร้อยละ 10 จากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า และลดลงร้อยละ 17 จากไตรมาส 4 ปี 2551 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการหยุดปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพท่าเรือบอนตังซึ่งเป็นท่าเรือขนถ่ายถ่านหินของบริษัทฯ ในอินโดนีเซียตามกำหนดเป็นเวลา 1 สัปดาห์ และจากการผลิตที่ลดลงของเหมืองอินโดมินโคและเหมืองโจ-ร่ง รวมทั้งการปิดเหมืองในประเทศไทยเมื่อปลายปีที่ผ่านมา”นายชนินท์กล่าว สำหรับผลประกอบการของธุรกิจไฟฟ้านั้น นายชนินท์ กล่าวว่า ในไตรมาส 1/2552 ธุรกิจไฟฟ้ามีผลการดำเนินงานที่ราบรื่น โดยบริษัทฯ รับรู้กำไรจากโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี จำนวน 923 ล้านบาท (รวมขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 93 ล้านบาท) มีการรับเงินปันผลจากบริษัทจดทะเบียนแห่งหนึ่งจำนวน 240 ล้านบาท และมี กำไรสุทธิจากบริษัท Banpu Power Investment (China) Ltd.หรือ BPIC ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจไฟฟ้าในประเทศจีนจำนวน 204 ล้านบาท นายชนินท์ กล่าวอีกว่า ในไตรมาส 1 ปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวมเพิ่มขึ้นเป็น 13,624 ล้านบาท หรือร้อยละ 58 จากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า แบ่งเป็นรายได้จากการขายถ่านหินจำนวน 12,343 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 4,808 ล้านบาท หรือร้อยละ 64 และคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 91 ของรายได้จากการขายรวม ส่วนรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมในประเทศจีน มีจำนวน 1,269 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 9 ของรายได้ทั้งหมด “คาดว่าในปีนี้รายได้จากการขายรวมจะเติบโตมากกว่าร้อยละ 10 อันเป็นผลมาจากการเพิ่มปริมาณการจำหน่ายถ่านหินในอินโดนีเซียเป็น 20.5 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 จากปีที่ผ่านมา ในขณะเดียวกันคาดว่ารายได้จากถ่านหินในจีนจะดีกว่าปีที่แล้ว ในขณะที่รายได้จากธุรกิจไฟฟ้าคงจะอยู่ในระดับที่ทรงตัวในปีนี้” นายชนินท์ กล่าวเพิ่มเติม สำหรับการดำเนินงานในไตรมาส 2 นั้น จะยังคงมีการปรับปรุงท่าเรือบอนตัง ซึ่งจะส่งผลต่อปริมาณการส่งมอบและการจำหน่ายถ่านหินในไตรมาส 2 นี้ แต่ราคาขายยังคงอยู่ในระดับที่ดี ซึ่งคาดว่าผลประกอบการของไตรมาส 1 และ 2 ของปีนี้จะดีกว่าไตรมาส 3 และ 4 ตามระดับราคาขายที่ลดลง “นอกจากนี้ ยังอาจมีความเสี่ยงเรื่องการส่งมอบถ่านหินตามเป้าหมายการผลิตและจำหน่ายของปีนี้ที่ 20.5 ล้านตันซึ่งปริมาณถ่านหินที่จะส่งมอบส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงครึ่งหลังของปี” นายชนินท์ กล่าวปิดท้าย บ้านปูฯ เป็นหนึ่งในบริษัทพลังงานแห่งเอเชียที่มีความฉับไว ดำเนินธุรกิจหลักทางด้านถ่านหินและ ไฟฟ้าโดยมีฐานธุรกิจอยู่ใน 3 ประเทศ คือ ไทย อินโดนีเซีย และจีน โดยฐานะทางการเงินของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 เมื่อเปรียบเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 มีสินทรัพย์รวมจำนวน 88,841 ล้านบาท ลดลง 521 ล้านบาท มีหนี้สินรวมจำนวนทั้งสิ้น 38,684 ล้านบาท ลดลง 5,144 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 12 สำหรับอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 เท่ากับ 0.29 เท่า เทียบกับ 0.36 เท่า ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 ส่วนกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานของบริษัทฯ เท่ากับ 17.65 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 131 เมื่อเทียบกับ 7.63 บาทต่อหุ้นของงวดเดียวกันในปีที่ผ่านมา

แท็ก บ้านปู  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ