กรุงเทพฯ--12 พ.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ SCCC ระยะยาวที่ระดับ ‘A(tha)’ และระยะสั้นที่ระดับ ‘F1(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ ในขณะเดียวกันฟิทช์จัดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิมูลค่า 4 พันล้านบาท ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2556 ของ SCCC ที่ระดับ ‘A(tha)’ โดยเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ครั้งนี้จะนำไปใช้สำหรับชำระคืนเงินกู้เดิมและเป็นเงินทุนหมุนเวียน
อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดที่มั่นคงของบริษัทในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายปูนซีเมนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองในประเทศไทย โดยมีกำลังการผลิตและส่วนแบ่งทางการตลาดคิดเป็นร้อยละ 26 และ 27 ของประเทศตามลำดับ รวมถึงการขยายธุรกิจไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับผลิตภัณฑ์ปูนซีเมนต์ เช่น หิน ทราย สำหรับการก่อสร้าง และคอนกรีตสำเร็จรูป อันดับเครดิตยังพิจารณารวมถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทโดยบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินที่ต่ำและความสามารถในการชำระภาระรายจ่ายประจำทางการเงิน (Coverage ratio) ที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้การที่บริษัทเน้นในเรื่องการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดค่าใช้จ่ายโดยการใช้พลังงานทดแทนจากกากอุตสาหกรรมและวัสดุไม่ใช้แล้ว รวมถึงการสร้างโรงผลิตไฟฟ้าที่นำความร้อนส่วนเกินจากการผลิตปูนซีเมนต์มาใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อใช้ภายในโรงงาน น่าจะช่วยรักษาอัตราส่วนกำไรต่อรายได้ของบริษัทไม่ให้ลดลงจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ที่คาดว่าจะอ่อนตัวลงในปี 2552-2553
SCCC ยังได้รับการสนับสนุนทางด้านเทคนิค ประสบการณ์และความรู้ที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ปูนซีเมนต์จากบริษัท Holcim Ltd (Holcim — อันดับเครดิตสากลที่ระดับ BBB / แนวโน้มเครดิตเป็นลบ) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท โดยถือหุ้นใน SCCC อยู่ประมาณหนึ่งในสามของหุ้นทั้งหมด นอกจากนี้ SCCC ยังได้รับประโยชน์จากการใช้เครือข่ายของ Holcim ที่ครอบคลุมไปกว่า 70 ประเทศทั่วโลกในการสนับสนุนการส่งออกของบริษัทอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของอันดับเครดิตได้ถูกลดทอนลงจากกำลังการผลิตปูนซีเมนต์ส่วนเกินของประเทศที่มีเหลืออยู่มากซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้มีการแข่งขันทางด้านราคาสูง ในขณะเดียวกันสภาพเศรษฐกิจโลกที่อยู่ในภาวะถดถอยและการอ่อนตัวลงอย่างมากของเศรษฐกิจภายในประเทศน่าจะทำให้ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์อ่อนตัวลงในปี 2552-2553 ทั้งในตลาดในประเทศและตลาดส่งออกแม้ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและโครงการสร้างระบบสาธารณูปโภคขนาดใหญ่น่าช่วยลดความเสี่ยงจากการอ่อนตัวลงของความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ได้บ้าง อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการจ่ายเงินปันผลที่สูงของบริษัทซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้กระแสเงินสดสุทธิของบริษัทติดลบในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รวมถึงการกระจายตัวของรายได้ที่อยู่ในระดับต่ำเนื่องจากรายได้ของบริษัทมาจากตลาดในประเทศเป็นหลัก
SCCC มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า (EBITDAR) จำนวน 5.2 พันล้านบาทในปี 2551 ลดลงเล็กน้อยจาก 5.3 พันล้านบาทในปี 2550 ยอดขายที่ลดลงจากความต้องการที่อ่อนตัวลงในปี 2551 ถูกชดเชยด้วยอัตราส่วนกำไรต่อรายได้ที่ดีขึ้นจากการขึ้นราคาขายทั้งในประเทศและการส่งออก ในขณะที่หนี้สินสุทธิของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 2.8 พันล้านบาท ณ สิ้นปี 2551 จาก 1.1 พันล้านบาท ณ สิ้นปี 2550 เนื่องจากค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนที่เพิ่มขึ้นและการจ่ายเงินปันผลที่สูงอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าหนี้สินสุทธิของบริษัทเพิ่มขึ้นแต่อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่ายและค่าเช่า (Adjusted Net Debt/EBITDAR) ยังคงแข็งแกร่งอยู่ที่ระดับ 0.5 เท่า SCCC น่าที่จะสามารถรักษาอัตราส่วนหนี้สินให้อยู่ในระดับต่ำต่อไปได้ เนื่องจากค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนที่คาดว่าจะลดลงและนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่น่าจะมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในภาวะที่การดำเนินธุรกิจมีความยากลำบากมากขึ้น
แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพสะท้อนถึงการคาดการณ์ว่า SCCC จะสามารถรักษาสถานะทางการตลาดที่มั่นคงของบริษัท รวมถึงการสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่เพียงพอที่จะรองรับค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนและเงินปันผล ซึ่งช่วยให้บริษัทมีความคล่องตัวทางการเงินและสภาพคล่องสอดคล้องกับอันดับเครดิต ณ ปัจจุบัน การเพิ่มขึ้นของรายได้และอัตราส่วนกำไรต่อรายได้อย่างมีนัยสำคัญ การถือหุ้นและการสนับสนุนในด้านธุรกิจและการเงินที่เพิ่มขึ้นอย่างมากของ Holcim และการสร้างกระแสเงินสดสุทธิ (หลังการจ่ายเงินปันผล) เป็นบวกอย่างต่อเนื่อง อาจมีผลต่อการปรับเพิ่มอันดับเครดิตของบริษัทได้ ในทางตรงกันข้ามอันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดได้หากอัตราส่วนกำไรต่อรายได้มีการลดลงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเพิ่มขึ้นอย่างมากของค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนซึ่งใช้การกู้เงินเป็นแหล่งเงินทุนหรือการจ่ายเงินปันผลมากกว่าที่คาดการณ์เอาไว้เป็นผลให้อัตราส่วนหนี้สินโดยวัดจากอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับ ปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า อยู่ในระดับที่สูงกว่า 2.0 เท่าอย่างต่อเนื่อง
SCCC ก่อตั้งขึ้นในปี 2512 บริษัทเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายปูนซีเมนต์ใหญ่เป็นอันดับสองในประเทศโดยมีกำลังการผลิตปูนซีเมนต์ 14.5 ล้านตันต่อปี นอกจากนี้บริษัทยังเป็นหนึ่งในผู้ผลิตคอนกรีตสำเร็จรูปชั้นนำในประเทศโดยบริษัทมีโรงผลิตคอนกรีตสำเร็จรูป 57 แห่ง และยังเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้างทดแทนไม้ภายใต้ชื่อทางการค้า “คอนวูด” Holcim กับกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมตระกูลรัตนรักษ์ ถือหุ้นใน SCCC ฝ่ายละประมาณหนึ่งในสามของหุ้นทั้งหมด
หมายเหตุ: การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) เป็นการวัดระดับความน่าเชื่อถือในเชิงเปรียบเทียบกันระหว่างองค์กรในประเทศนั้นๆ โดยจะใช้ในประเทศที่อันดับเครดิตแบบสากลของรัฐบาลในประเทศนั้นอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ อันดับเครดิตขององค์กรที่ดีที่สุดของประเทศได้จัดไว้ที่ระดับ “AAA” และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับองค์กรที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศได้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อใช้ในตลาดในประเทศเป็นหลักและจะมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับประเทศนั้นๆ เช่น “AAA(tha)” ในกรณีของประเทศไทย ดังนั้นอันดับเครดิตภายในประเทศจึงไม่สามารถใช้เปรียบเทียบระหว่างประเทศได้
ติดต่อ: เลิศชัย กอเจริญรัตนกุล +662 655 4760, สมฤดี ไชยวรรัตน์ +662 655 4762, Vincent Milton, +662 655 4755
คำจำกัดความของอันดับเครดิตและการใช้อันดับเครดิตดังกล่าวของ ฟิทช์ เรทติ้งส์ สามารถหาได้จาก www.fitchratings.com อันดับเครดิตที่ประกาศ หลักเกณฑ์และวิธีการจัดอันดับเครดิต ได้แสดงไว้ในเว็บไซต์ดังกล่าวตลอดเวลา หลักจรรยาบรรณ การรักษาข้อมูลภายใน ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้น แนวทางการเปิดเผยข้อมูลระหว่างบริษัทในเครือ กฏข้อบังคับรวมทั้งนโยบายและกระบวนการที่เกี่ยวข้องอื่นๆของฟิทช์ ได้แสดงไว้ในส่วน ‘หลักจรรยาบรรณ’ในเว็บไซต์ดังกล่าวเช่นกัน