กรุงเทพฯ--27 ม.ค.--บีโอไอ
สมคิด-สุริยะ นำทีมบีโอไอดึงการลงทุนจากญี่ปุ่น เน้นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ด้านอิเล็กทรอนิกส์ -ไอที —ยานยนต์ พร้อมเข้าพบผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มบริษัทชั้นนำด้านอิเล็กทรอนิกส์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น เพื่อชี้แจงนโยบายส่งเสริมการลงทุนที่ปรับปรุงใหม่ ตั้งเป้าญี่ปุ่นขยายลงทุนเพิ่มขึ้น
นายสาธิต ศิริรังคมานนท์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยถึง การเดินทางไปชักจูงการลงทุนที่ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 29 มกราคม — 2 กุมภาพันธ์ 2549 โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นหัวหน้าคณะ พร้อมด้วยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงอุตสาหกรรม ว่า การเดินทางไปชักจูงการลงทุนในครั้งนี้ บีโอไอจะเชิญชวนให้บริษัทชั้นนำของญี่ปุ่นเข้ามาเพิ่มการลงทุนในกิจการที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจ และยังไม่มีการผลิตในไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในยานยนต์ ไอที เช่น ออโต้ ทรานมิชชั่น เบรก ABS เซลล์แสงอาทิตย์ การออกแบบวงจรรวม เพื่อขยาย ซัพพลายเชนให้ครบวงจรและมุ่งให้ไทยเป็นฐานผลิตของภูมิภาคตามเป้าหมายที่วางไว้
ทั้งนี้ทางคณะของไทยจะเข้าพบปะหารือกับกลุ่มบริษัทด้านอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ รายใหญ่ของญี่ปุ่น อาทิ นายอาคิโอะ โตโยดะ รองประธานบริษัทโตโยต้า ผู้บริหารระดับสูงของ บริษัทโซนี่ , บริษัทโอกิ อิเล็กทริคส์ , นิเดค, โตชิบา, มิตซูบิชิ , มัตสึชิตะ, นิสสัน, ฮิตาชิ, ฟูจิตสึ, ฮอนด้า, ฟูจิกุระ เป็นต้น เพื่อชักชวนให้ขยายการลงทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทเหล่านี้มีการลงทุนในไทยอยู่แล้ว โดยให้รายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายส่งเสริมการลงทุนที่มีการปรับปรุงใหม่ พร้อมรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของนักลงทุนญี่ปุ่นเกี่ยวกับการลงทุนในอุตสาหกรรมดังกล่าว เพื่อใช้เป็นแนวทางในการส่งเสริมการลงทุนและให้การสนับสนุนต่อไป
การเดินทางไปครั้งนี้ยังจะได้พบปะกับผู้บริหารระดับสูงของธนาคารยักษ์ใหญ่ 4 แห่งของญี่ปุ่น อาทิ ธนาคาร UFJ ธนาคารโชโกชูกิน ธนาคารมิซูโฮะ และธนาคารซูมิโตโมมิตซุย ซึ่งเป็นเครือข่ายพันธมิตรด้านการส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอ ทั้งนี้เพื่อให้ได้รับทราบละเอียดของนโยบายส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ใหม่ และให้ธนาคารนำไปเผยแพร่แก่ลูกค้าของธนาคารที่สนใจลงทุนในไทยต่อไป
นอกจากนี้ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และคณะ จะได้เข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรม (METI) และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างๆ ของญี่ปุ่น เพื่อหารือถึงแนวทางความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนของทั้งสองประเทศ
นายสาธิต กล่าวต่อไปว่า ระหว่างการพบปะนักธุรกิจชั้นนำในกรุงโตเกียว บีโอไอจะจัดการสัมมนาในหัวข้อ “Thailand : Your Regional Hub For Electrical and Electronics Industry” โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวปาฐกถาพิเศษ เกี่ยวกับการยกระดับเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์เพื่อนำไปสู่การเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมนี้ในภูมิภาค ซึ่งขณะนี้มีนักธุรกิจญี่ปุ่นในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ตอบรับเข้าร่วมฟังการสัมมนาแล้วกว่า 200 ราย
สำหรับภาวะการลงทุนญี่ปุ่นในไทยปี 2548 ญี่ปุ่นยังคงเป็นนักลงทุนที่ขอรับส่งเสริมการลงทุนในไทยสูงสุด ทั้งจำนวนโครงการและมูลค่าเงินลงทุน โดยคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 45 ของโครงการลงทุนต่างชาติที่ยื่นขอรับส่งเสริมทั้งหมด และมีปริมาณเงินลงทุนรวม 175,313 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 35 ของมูลค่าเงินลงทุนของโครงการต่างชาติทั้งหมด โดยมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 72 เมื่อเทียบกับปี 2547 ทั้งนี้โครงการส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องจักร และอุปกรณ์ขนส่ง รองลงมาคือกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วน/อุปกรณ์ที่ใช้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยกิจการศูนย์จัดหาจัดซื้อชิ้นส่วนและผลิตภัณฑ์ระหว่างประเทศ (IPO) และกิจการสนับสนุนการค้าและการลงทุน มีปริมาณคำขอที่เพิ่มสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมา--จบ--