กรุงเทพฯ--25 ก.ค.--ซึทาญ่า (ประเทศไทย)
บริษัท ซึทาญ่า (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำธุรกิจศูนย์เช่าและจำหน่าย ซีดี ดีวีดี และวีซีดี อันดับ 1 ของเมืองไทย เร่งขยายตลาดเพื่อเข้าถึงทุกชุมชน ด้วยการปรับโมเดลการลงทุนให้อยู่ในอัตรา 1.95 ล้านบาท บนพื้นที่ 90 ตร.ม. หรือขนาด 2 คูหา จากเดิมการลงทุนบนพื้นที่ขนาดนี้จะใช้เงินลงทุนประมาณ 2.6 — 3.5 ล้านบาท โดยเน้นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการมีธุรกิจเป็นของตัวเอง และกลุ่มนักลงทุนต่างจังหวัด โดยรูปแบบการลงทุนใหม่จะเริ่มใช้เดือนสิงหาคมนี้
นายวันชัย พละพงค์พานิช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซึทาญ่า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบัน ซึทาญ่า เป็นผู้นำธุรกิจความบันเทิงระบบแฟรนไชส์รายเดียวที่มีผู้มาลงทุน (แฟรนไชส์ซี่) ถึง 90% ของจำนวนสาขาทั้งหมด ซึ่งมีอัตราเฉลี่ยผู้ลงทุน (แฟรนไชส์ซี่) 2 สาขา ต่อ 1 แฟรนไชส์ซี่ สำหรับในปีนี้ บริษัทฯ มีแผนขยายสาขาโดยเน้นไปที่กลุ่ม Self Employee ,กลุ่มนักลงทุนต่างจังหวัด ,กลุ่มที่ต้องการจะมีธุรกิจเป็นของตนเองและอีกกลุ่มคือ กลุ่มร้านเช่าวีซีดีที่ประสบปัญหายอดเช่าลดลง,ปัญหาลิขสิทธ์ ,งบประมาณการสั่งซื้อที่สูงจนร้านมีกำไรลดลง ซึ่งร้านเช่าวีซีดีเหล่านี้เริ่มเข้ามาติดต่อเพื่อขอแปลงร้านตัวเองเป็นศูนย์เช่าและจำหน่าย ซีดี ดีวีดี และ วีซีดี ภายใต้แบรนด์ซึทาญ่า
เนื่องจากปัจจุบันแนวโน้มกลุ่มที่เข้ามาลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์กับซึทาญ่าจะเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อยู่ในวัยทำงาน อายุอยู่ระหว่าง 25 — 35 ปี ซึ่งมีความกระตือรือร้นในการทำงานและมีการศึกษาในธุรกิจที่ต้องการจะทำมาเป็นอย่างดี ซึ่งบริษัทฯ เห็นว่าคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนคุณภาพที่จะมีศักยภาพในการบริหารธุรกิจได้เป็นอย่างดี และข้อสำคัญคือ คนกลุ่มนี้จะลงทุนเองและดูแลจัดการร้านสาขาด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญมากในการทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ แต่คนกลุ่มนี้จะมีปัญหาในเรื่องความพร้อมของเงินลงทุน ดังนั้นบริษัทฯ จึงมีการปรับกลยุทธ์ในการจัดรูปแบบการลงทุนขึ้นมาใหม่ จากเดิม 4 รูปแบบ โดยมีการลงทุนเริ่มต้นตั้งแต่ 1.7 — 3.5 ล้านบาท ในพื้นที่ตั้งแต่ 50 — 100 ตร.ม. มาเป็นเงินลงทุนที่ 1.95 ล้านบาท บนพื้นที่ 90 ตร.ม. หรือขนาด 2 คูหา ทั้งนี้อัตราเงินลงทุนจะลดลงตามสัดส่วนของพื้นที่การลงทุน สำหรับการปรับรูปแบบการลงทุนในครั้งนี้อยู่ภายใต้ปัจจัยแนวความคิดที่จะให้การเปิดร้านมีต้นทุนต่ำสุดและมีผลตอบแทนการลงทุนที่ดีขึ้นพร้อมกันนั้นเป็นการเปิดโอกาสให้กับผู้ลงทุนที่มีเงินทุนน้อยได้เริ่มธุรกิจของตนเอง ซึ่งทำให้ได้อัตราการลงทุนที่เหมาะสมกับกลุ่มดังกล่าวและยังทำให้สามารถเปิดตลาดในกลุ่มนักลงทุนต่างจังหวัดได้อีกด้วย
สำหรับเจ้าของร้านเช่าวีซีดีทั่วไป หากสนใจแปลงร้านมาเป็นศูนย์เช่าและจำหน่ายซีดี ดีวีดี และ วีซีดี ของซึทาญ่า บริษัทฯ คาดว่าการลงทุนจะอยู่ที่ 3 — 5 แสนบาทเท่านั้นทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพของร้านแต่ละร้าน โดยเมื่อปรับมาเป็นศูนย์ซึทาญ่าแล้วเจ้าของศูนย์จะได้รับการดูแลเป็นมาตรฐานเดียวกันกับแฟรนไชส์ซี่ของซึทาญ่า
สำหรับตลาดต่างจังหวัดบริษัทฯ เล็งเห็นถึงศักยภาพของตลาดในต่างจังหวัดที่ยังโตได้อีกมากเนื่องจากในต่างจังหวัดสื่อภาพยนตร์ยังไม่มีความพร้อมและมีความล่าช้า อีกทั้งผู้บริโภคมีกำลังซื้อสูง และเวลาในการทำกิจกรรมมากกว่าคนในเมือง ธุรกิจโฮมเอนเตอร์เทนเมนท์จึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับกลุ่ม
ผู้บริโภคในต่างจังหวัดเพียงแต่ยังขาดผู้เข้าไปลงทุนนั่นเอง นายวันชัย กล่าวต่อไปว่าบริษัทฯ มีความแตกต่างที่สร้างความโดดเด่นเหนือคู่แข่ง ซึ่งจะสร้างความมั่นใจให้กับผู้ลงทุนที่ตัดสินใจมาลงทุนทำธุรกิจกับซึทาญ่า ดังนี้
1. คณะทำงานแฟรนไชส์ซี่ เวิร์คช้อป (Franchisee workshop) ซึ่งคัดสรรมาจากแฟรนไชส์ซี่ เพื่อเป็นตัวแทนในการสะท้อนความคิดเห็นในแผนงานด้านการตลาดและ บริการ
2. มีภาพยนตร์คุณภาพที่ถูกต้องตามกฎหมายจากทุกค่ายของเมืองไทย
3. ระบบไคเทนริซึ (Kaitenrisu) ที่จะวิเคราะห์ปริมาณสินค้าที่เหมาะสม ตรงกลุ่มเป้าหมายของร้านสาขาในแต่ละพื้นที่
4. ทีมการตลาด วางกลยุทธ์ทางการตลาดทั่วประเทศ และการตลาดท้องถิ่น สร้างพันธมิตรเพิ่ม
โอกาสทางธุรกิจให้ร้านสาขา
5. โลยัลตี้ โปรแกรม (Loyalty Program) สร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้า เพื่อเป็นการรักษาและสร้าง
ฐานสมาชิก
6. ทีมซูปเปอร์ไวเซอร์ ที่ดูแลถ่ายทอด know-how ใหม่ๆ และให้คำแนะนำเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะร้านสาขา
7. IT System รวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์เพื่อใช้ประโยชน์ทางการตลาด และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารร้านสาขา
ทั้งนี้ทางบริษัท ฯ ได้เปิดโอกาสให้เจ้าของร้านเช่าวีซีดีทั่วไปสามารถแปลงร้านมาเป็นศูนย์เช่าและ จำหน่าย ซีดี ดีวีดี และ วีซีดี ของซึทาญ่าซึ่งจะทำให้มีโอกาสสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ เจ้าของร้านเช่าวีซีดีทั่วไปและผู้สนใจการลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ โทร.0-2679-9709-24 ต่อ 2804,2805
ปัจจุบัน บริษัท ซึทาญ่า (ประเทศไทย) จำกัด มี 260 สาขา และสมาชิกกว่า 2 ล้านครอบครัวทั่วประเทศ ทั้งนี้บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะขยายเป็น 323 สาขา และขยายฐานสมาชิกเพิ่มเป็น 3 ล้านครอบครัวทั่วประเทศภายในปีนี้
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0-2704-7958 ต่อ 203
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net