AFET เร่งปรับโฉมสัญญามันสำปะหลังเส้น (TC)เพิ่มช่องทางการลงทุนและรองรับนโยบายของรัฐบาลในการระบายสินค้าในสต็อกของรัฐบาล

ข่าวเศรษฐกิจ Monday May 18, 2009 13:16 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 พ.ค.--ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย นายนิทัศน์ ภัทรโยธิน กรรมการและผู้จัดการ ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย หรือ AFET เปิดเผยว่า AFET อยู่ระหว่างดำเนินการเร่งปรับโฉมสัญญาล่วงหน้ามันสำปะหลังเส้น (TC) ในลักษณะสัญญาแบบ Both Options โดยเมื่อถึงวันครบกำหนดส่งมอบรับมอบสินค้า ผู้ซื้อผู้ขายมีทางเลือกที่จะส่ง-รับมอบสินค้าระหว่างกันเหมือนแต่ก่อนหรือเลือกที่จะใช้การหักกำไร ขาดทุนที่เกิดขึ้นจากการซื้อขายล่วงหน้าระหว่างกัน พร้อมปรับปรุงรายละเอียดหลักๆบางส่วนของข้อกำหนดการซื้อขายสินค้าให้เหมาะสมยิ่งขึ้น โดยได้ปรับเพิ่มจำนวนหน่วยการซื้อขายจาก 15,000 กิโลกรัม (15 ตัน) เป็น 50,000 กิโลกรัม (50 ตัน) เพื่อให้สัญญาดังกล่าวมีความน่าสนใจแก่ผู้ประกอบการมากขึ้น เนื่องจากในทางการค้าปกติมักมีการซื้อขายกันใน Lot ขนาดใหญ่ การปรับปรุงดังกล่าวจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถใช้สัญญาล่วงหน้ามันสำปะหลังเส้น ในการลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาได้ ในขณะเดียวกันยังทำให้นักลงทุนเกิดความสบายใจมากขึ้นในการเข้ามาซื้อขายล่วงหน้ามันสำปะหลังเส้น เพราะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการส่งมอบรับมอบสินค้า ในการนี้คณะกรรมการตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า ได้มีมติเห็นด้วยในหลักการดังกล่าว และขณะนี้อยู่ระหว่างปรับปรุงรายละเอียดให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุด การปรับปรุงให้สัญญาล่วงหน้ามันสำปะหลังเส้นมีลักษณะเป็นแบบ Both Options นี้ นอกจากจะให้ความสะดวกแก่นักลงทุนและผู้ประกอบการที่อยู่ห่างจากจุดส่งมอบรับมอบแล้ว ยังเป็นการปรับปรุงให้มีลักษณะเช่นเดียวกับสัญญาล่วงหน้าข้าวขาว 5% และข้าวหอมมะลิที่รัฐบาลสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการจำหน่ายสินค้าในสต็อกรัฐบาล โดยอิงราคาล่วงหน้าใน AFET อันจะเป็นการสนองนโยบายรัฐบาลที่จะให้มีการระบายมันเส้นใน AFET ประมาณ 200,000 ตัน ในอดีตที่ผ่านมา รัฐบาลได้เคยระบายสินค้าเกษตรในสต็อกรัฐบาลผ่าน AFET โดยใช้วิธีการจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐบาลตามโครงการประมูลข้าวสารในสต็อกของรัฐบาล โดยอิงราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย ปรากฏว่ากระบวนการดังกล่าวได้รับการยอมรับ มีความโปร่งใส ผู้ประกอบการให้การสนับสนุนพร้อมเรียกร้องให้มีการประมูลผ่าน AFET อย่างต่อเนื่อง ในขณะนี้คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติให้รัฐบาลระบายข้าวสารในสต็อกและเรียกการประมูลนี้ว่า “การประมูลแบบ Basis” โดยให้เปิดประมูลผ่าน AFET 750,000 ตัน ซึ่งมีปริมาณไม่เยอะมาก อย่างไรก็ตามการประมูลดังกล่าว นอกจากจะทำให้ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้แล้ว ยังจะทำให้ผู้ประกอบการได้มีความรู้และความเข้าใจในตลาดล่วงหน้ามากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ผู้ประกอบการในวงการค้าข้าวสามารถใช้ AFET ในการป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาได้เช่นเดียวกับในปี 51 ซึ่งราคาข้าวมีความผันผวนมาก ผู้ประกอบการก็เข้ามาใช้ประโยชน์จากกลไก AFET มากขึ้น คาดว่ากระทรวงพาณิชย์จะประกาศระบายสต็อกข้าวในเร็วๆ นี้ นายนิทัศน์ กล่าวเสริมว่า “สำหรับลักษณะพิเศษของการซื้อขายแบบ Both Options จะทำให้ผู้ซื้อผู้ขายมีทางเลือกในการยุติฐานะถือครองของตนเองใน AFET ด้วย ด้วยวิธีการชำระกำไรขาดทุนที่เป็นส่วนต่างของราคาด้วยเงินสด (Cash Settlement) ก่อให้เกิดความคล่องตัวในการซื้อขายมากขึ้น ทำให้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าสามารถสนองตอบวัตถุประสงค์ในการลงทุนของนักลงทุนได้อย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ดีถ้าผู้ซื้อหรือผู้ขายรายใดต้องการจะรับมอบหรือส่งมอบสินค้าก็สามารถแจ้งความประสงค์มายังตลาดได้ โดยตลาดจะจับคู่ให้ผู้ซื้อและผู้ขายที่มีความต้องการเช่นเดียวกันให้สามารถส่งมอบรับมอบกันได้ ดังนั้นการปรับปรุงข้อกำหนดการซื้อขายสินค้ามันสำประหลังเส้น นอกจากเป็นการเพิ่มช่องทางใหม่ในการลงทุนแล้ว ยังรองรับนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งช่วยกระตุ้นให้นักลงทุนทั่วไปเข้ามาใช้ประโยชน์มากยิ่งขึ้นและเป็นการเสริมสภาพคล่องให้การซื้อขายให้ AFET มากยิ่งขึ้น” นายนิทัศน์ กล่าวในที่สุด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณอิสราพร กิจไพฑูรย์ ฝ่ายการตลาด ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET) โทร 0-2263-9888, 0-2251-9535 มือถือ 081-862-2247 หรือ www.afet.or.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ