กรุงเทพฯ--19 พ.ค.--กทม.
ส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีลมข้ามเจ้าพระยาวันแรกผู้โดยสารกว่า 4 หมื่นคน คาดในไม่ช้าทะลุ 5 หมื่นคน กทม.เร่งทำจุดจอดแล้วจรรองรับรถยนต์จากฝั่งธนบุรี พร้อมจัดรถประจำทางบริการรับส่งมายังสถานีวงเวียนใหญ่ 10 เส้นทาง ส่วนในอนาคตศึกษาให้รถไฟฟ้าส่วนขยายดังกล่าววิ่งสวนทางกันได้ จากปัจจุบันวิ่งได้ทีละขบวน พร้อมเร่งส่วนขยายอื่นให้เปิดใช้ได้ตามแผน
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยรายงานตัวเลขผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร ส่วนต่อขยายสายสีลม 2.2 กิโลเมตร จากสะพานตากสิน-วงเวียนใหญ่ ซึ่งเปิดให้บริการแก่ประชาชนโดยไม่เก็บค่าโดยสาร เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 3 เดือน เมื่อวันที่ 15 พ.ค.52 ภายหลังเปิดให้บริการในเวลา 08.00 น. พบว่าในสถานีกรุงธนบุรี S7 มีผู้ใช้บริการ 12,000 เที่ยวคน/วัน สถานีวงเวียนใหญ่ S8 จำนวน 28,800 เที่ยวคน/วัน รวม 40,800 เที่ยวคน/วัน และล่าสุดเมื่อวันที่ 18 พ.ค.52 มีผู้โดยสาร 43,500 เที่ยวคน/วัน ทั้งนี้คาดว่าในอนาคตจะมีผู้โดยสารมาใช้บริการได้ถึงวันละ 50,000 เที่ยวคน/วัน
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ในสถานีวงเวียนใหญ่จะมีจุดจอดแล้วจร (Park & Ride) รองรับประชาชนจากหมู่บ้านในถนนราชพฤกษ์ ถนนกัลปพฤกษ์ โรงเรียน โรงแรม ห้างสรรพสินค้า และคอนโดมิเนียม จำนวน 100-200 คัน และมีรถประจำทางบริการรับส่งผู้โดยสารที่ต้องการใช้บริการรถไฟฟ้า จำนวน 10 เส้นทางไปยังสถานีวงเวียนใหญ่ S8 คือ สายสีแดง (สายใต้ใหม่) สายสีส้ม (ตั้งฮั่วเส็ง) สายสีชมพู (สนามหลวง 2) สายสีม่วง (เดอะมอลล์) สายสีน้ำเงิน (แมคโครบางบอน) สายสีฟ้า (โลตัสพระราม 2) สายสีน้ำตาล (จัสโก้ประชาอุทิษ) สายสีเขียงอ่อน (สุขสวัสดิ์) สายสีเขียงวเข้ม (บิ๊กซีราษฎร์บูรณะ) และสายสีเหลือง (แมคโครจรัญสนิทวงศ์) ทั้งนี้จะมีการประสานงานกับตำรวจให้มีการระบายการจราจรได้สะดวกมากขึ้นในบริเวณสถานีวงเวียนใหญ่
ม.ร.ว.กล่าวอีกว่า ได้มอบให้สำนักการจราจรและขนส่งศึกษาแนวทางให้ก่อสร้างเส้นทางดังกล่าวให้สามารถสวนทางกันได้ เนื่องจากปัจจุบันมีเพียงเส้นทางแบบรางเดียวไม่สามารถสวนทางกันได้ หากทำให้สวนทางกันได้ก็จะเกิดความสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น
นอกจากนั้นยังคาดการณ์การเปิดให้บริการส่วนต่อขยายสายสีลมระยะที่ 2 วงเวียนใหญ่-บางหว้า และส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท ระยะที่ 1 ให้เปิดบริการได้ในปี 54 ส่วนการเปิดให้บริการส่วนต่อขยาย หมอชิต-สะพานใหม่ และแบริ่ง-สมุทรปราการ หากได้รับมอบหมายจากรัฐบาลภายในปี 52 ก็คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 55-56 ซึ่งเชื่อว่า กทม.สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องกู้เงิน เนื่องจากมีศักยภาพจากโครงการที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว