กรุงเทพฯ--19 พ.ค.--วันทูโก
สายการบินวันทูโก สานต่อโครงการส่งเสริมเยาวชนและสังคมไทย “ One Two Go , Journey of Passion : Trang Destination” ด้วยการตอกย้ำแนวคิดหลักที่เรียกว่า “ทำให้ดีที่สุด - - Do it by heart” สะท้อนแนวคิดเกี่ยวกับความรัก (Love) ความมุ่งมั่น (Passion) และทำให้ดีที่สุดกับตัวเอง (Reward) เพื่อจุดประกายทั้งความคิดและการกระทำผลักดันให้เยาวชนไทยเดินทางสู่เป้าหมายที่ให้เป็นจริง และสามารถที่จะนำแนวคิดนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเองและคนรอบข้างได้เป็นอย่างดี
สายการบินวันทูโก จึงพาน้องๆ นักกีฬาแบดมินตันจากชมรมต่างๆ อาทิ ทีมทหารอากาศ, ทีมบีจีสปอร์ต (BG Sport), ทีมบ้านทองหยอด, ทีมบางโพ, ทีมสำโรง, ทีมบอย’ ส คลับ (Boy’ s Club), ทีมเสนานิคม, ทีมที.ไทยแลนด์ สปอร์ต (T.Thailand) และทีมอาร์.อี สปอร์ต (R.E. Sport) รุ่น 11-13 ปี จำนวน 30 คน ในโครงการ “One Two Go, Journey of Passion : Trang Destination” ร่วมเดินทางแข่งขันในรายการ ‘ปุ้มปุ้ยชิงแชมป์เปี้ยนชิพ ครั้งที่ 20’ ณ จังหวัดตรัง โดยมีทูตในโครงการฯ ทนงศักดิ์ แสนสมบูรณ์สุข นักกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทย เข้าร่วมเป็นกำลังใจให้น้องๆ และร่วมการแข่งขันครั้งนี้ด้วย
“โครงการนี้เป็นโครงการระยะที่สอง เป็นกิจกรรมเพื่อส่งเสริมให้เยาวชนไทยได้เล่นกีฬาไปพร้อมกับการคิดดีให้กับตนเอง นั่นก็คือการเริ่มต้นคิดดีและทำดีให้กับตัวเองก่อน เพราะกีฬาสอนเราและให้ประโยชน์หลายทางกับตัวเราเสมอ ไม่ใช่เพียงแค่แพ้หรือชนะเท่านั้น กีฬาทำให้เราเกิดการเรียนรู้ในหลายๆ ด้าน
...กีฬาสอนให้เราคิดดีและทำดี การคิดดีก็คือ การมองโลกที่ดี มองสิ่งรอบข้างที่ดี นำสิ่งที่ดีๆ รอบๆ ตัวมาปรับใช้และพัฒนาตนเองในการฝึกซ้อม และสิ่งรอบข้างนั้นมีทั้งคุณพ่อคุณแม่ คุณครูและโค้ช รวมทั้งเพื่อนๆ ที่เราจะต้องรู้จักที่จะเรียนรู้และสะสมประสบการณ์และความเก่งกับผู้รู้ ผู้ที่ส่งเสริมและสนับสนุนเรา และประกอบกับถ้าเราคิดดี มีเป้าหมายให้กับตัวเอง แล้วใช้ความมุ่งมั่น อดทน พร้อมความตั้งใจ สิ่งที่เราฝันไว้ก็เป็นจริงได้เสมอ
...โดยโครงการนี้จะสะท้อนแนวคิดหลัก 3 ประการด้วยกัน ได้แก่ หนึ่งคือ ‘ความรัก’ สิ่งที่ต้องทุ่มเทให้กับการฝึกซ้อม การแข่งขัน เพราะถ้าเรารักเราย่อมต้องทำให้ดี สองคือ ‘ความมุ่งมั่น’ เมื่อเรารักแล้ว เราก็ต้องมุ่งมั่นที่จะทำให้ดีที่สุด ไม่ว่าแพ้หรือชนะ และสามคือ ‘รางวัล’ เป็นสิ่งที่เราบอกกับตัวเองว่า ‘เราทำดีแล้ว’ และ ‘เราจะทำให้ดีที่สุดอีกในครั้งต่อๆ ไป’ ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ทั้งการฝึกซ้อมและการแข่งในแต่ละวันได้อีกด้วย” มนัสนันท์ ตันติประสงค์ชัย ที่ปรึกษาด้านการตลาด สายการบินวันทูโก กล่าว
ทูตโครงการ One Two Go, Journey of Passion ‘ สอง-ทนงศักดิ์ แสนสมบูรณ์สุข’ นักกีฬาทีมชาติ มือวางอันดับ 2 ของประเทศไทย ได้เข้าร่วมเป็นกำลังให้น้องๆ และร่วมการแข่งขันครั้งนี้ ด้วยความรัก...ความมุ่งมั่น แล้วในที่สุด เขาได้ครอบครอง ‘รางวัล’ ชนะเลิศที่ 1 ของประเทศไทย ในรุ่นแซทเทิลไลท์ กล่าวด้วยความดีใจว่า- -
“ดีใจที่ได้ตามที่คาดหวังไว้...ในช่วงเวลาที่แข่งขันขณะนั้น มีความกดดัน มีความเครียด แต่พยายามต้อง นิ่ง ใช้ความมุ่งมั่น และทำให้ดีที่สุด ซึ่งตรงนี้เป็นส่วนสำคัญในทุกๆ เรื่องของชีวิต หากเราไม่มีความมุ่งมั่น ความตั้งใจ ทั้งต้องฝึกซ้อมอย่างหนัก และเตรียมตัว สนุกกับมัน ทำจิตใจให้เบิกบาน ใจต้องสู้ ก็จะประสบความสำเร็จ
...และที่สำคัญ ‘คุณพ่อ’ จะเป็นที่ปรึกษาที่ดี คอยแนะนำและจัดการเรื่องต่างๆ ให้...ฝึกซ้อมหนักมาตั้งแต่เด็กๆ คือจะเป็นแบบก้าวกระโดด จะแข่งขันกับคนที่มีอายุมากที่สุดมาตลอด ทั้งได้เห็นและแข่งขันกับคนเก่งๆ ในต่างประเทศ เจอมาหมดแล้ว นับเป็นประสบการณ์ที่มีประโยชน์
...แนวคิดหลักของโครงการนี้ คือ ‘ความรัก’ เรารักในกีฬาและมีความชอบที่จะเล่นกับมัน และกีฬายังสามารถทำให้คนรักกันได้ เพราะหลังจากจบการแข่งขันแล้วทุกคนก็จะเป็นเพื่อนกัน ก็ได้เพื่อนมาเยอะจากการแข่งขัน สำหรับ ‘ความมุ่งมั่น’ เราต้องมุ่งมั่น และตั้งใจฝึกซ้อม และ ‘รางวัล’ เป็นทูตโครงการถือว่าเป็นรางวัลของชีวิต และรางวัลก็คือกำลังใจอย่างหนึ่งของนักกีฬาแต่ละคน ที่อยากจะทำได้ดีมากยิ่งๆ ขึ้นไปอีก
...เป้าหมายและความฝัน อยากจะเป็นมือหนึ่งของโลก ตอนนี้ลี ชองเว่ย เป็นมืออันดับหนึ่งอยู่ เขาเร็วมาก เก่งเกินมนุษย์ ความใฝ่ฝันก็อยากจะชนะเขา คิดว่าอีกไม่เกิน 3-4 ปีอยากจะเป็นท็อปเท็นระดับโลก
...และอยากจะฝากถึงน้องๆ ว่าอยากให้มีความมุ่งมั่น หมั่นขยันฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอ กีฬามีความสำคัญต่อสุขภาพทำให้ร่างกายแข็งแรง ทำให้ห่างไกลจากยาเสพติด ทั้งยังทำให้เรามีน้ำใจนักกีฬาอีกด้วย แต่ที่สำคัญต้องแบ่งเวลาให้ถูกต้อง ระหว่างกีฬาและการเรียน สำหรับตัวเองจะอ่านหนังสือและทบทวนก่อนนอนเสมอ”
‘สอง’ คือต้นแบบและตัวแทนของเยาวชนไทย ที่น้องๆ ในโครงการหลายคนอยากเป็นเหมือนพี่สอง อย่าง ‘น้องกาย-กรกฤต เหล่าตระกูล’ มือวางอันดับสี่จากทีมบีจีสปอร์ต คว้าแชมป์ชายเดี่ยวรุ่น 11 ปี ชั้นป.6 โรงเรียนเซ็นต์คาเบรียล เล่าด้วยความดีใจพร้อมกับน้ำตารื้นบนใบหน้าว่า- -
“ดีใจมากเลยครับ เหนื่อยมาก ไม่ง่ายเลยครับ ตอนแรกคิดว่าแพ้แล้ว แต่ใจเราฮึดสู้ แล้วทำให้ดีที่สุด การได้แชมป์วันนี้ เพราะการฝึกซ้อมอย่างหนัก และโค้ชมีส่วนที่ช่วยแก้เกมให้เรา ทำให้มีความมั่นใจ
...เริ่มเล่นแบดมาตั้งแต่ 7 ขวบแล้วครับ คุณพ่อเป็นนักแบดฯ ก็ตามคุณพ่อมาเล่น เล่นไปเล่นมารู้สึกสนุก ก็เลยมาเรียนแบดอย่างจริงจัง ซ้อมหนักมาก ซ้อมทุกวันช่วงเย็น หลังเลิกเรียน และวันเสาร์ซ้อมตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็นเลยครับ
...อยากเป็นเหมือนพี่สอง แต่อยากเก่งกว่าครับ...”
คู่ชิงของชนะเลิศชายเดี่ยวรุ่น 11 ของน้องกาย ที่เป็นคู่ชิงที่สูสีกันมากที่สุดด้วยคะแนนเฉียดฉิว คือ ‘น้องกัน-กันตภณ หวังเจริญ’ จากสโมสรที.ไทยแลนด์ ได้รองชนะเลิศอันดับ 1 ชั้นป.5 โรงเรียนเซ็นต์คาเบรียล
“เริ่มเล่นมา 3 ปีแล้วครับ มาเล่นตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ตอนนั้นไม่สบายเป็นโรคเกี่ยวกับเจ็บคอบ่อยมาก ที่บ้านเลยพามาเล่นกีฬาครับ
...ในการแข่งขันใช่ว่าเราจะต้องชนะตลอด แพ้บ้างชนะบ้าง แต่เราต้องทำให้ดีที่สุด และการฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอและซ้อมหนัก หลังเลิกเรียนวันละ 3 ชั่วโมง
...ในการแข่งขันครั้งนี้มาเป็นครั้งแรกครับ เวลาแข่งจะทำตัวสบายๆ ไม่กดดัน แล้วใช้สมาธิ จะทำให้เรานิ่ง เพื่อบุกและตีคู่แข่งได้”
‘น้องแนน-ชนัญชิตา จูเจริญ’ จากทีมบีจีสปอร์ต รุ่น 11 ปี ชั้นป.6 โรงเรียนเจริญผลวิทยา
“เคยได้รองแชมป์ที่ตรัง 2 ปีมาแล้วค่ะ เมื่อตอน 9 ขวบ- -มาวันนี้มาแข่งรุ่น 11 ปี ตอนที่แข่งคิดแต่เพียงว่า ไม่ต้องกลัวว่าจะแพ้หรือชนะ ขอให้สู้ให้เต็มที่ แล้วเราก็สู้เขาไม่ได้จริงๆ ก็ไม่เป็นไรค่ะ จะกลับไปซ้อมให้หนักกว่านี้ค่ะ
...ทุกวันนี้ซ้อมวันละ 4-5 ชั่วโมงหลังเลิกเรียนแล้ว และความใฝ่ฝันของหนูอยากติดทีมชาติค่ะ อยากเป็นเหมือนพี่สอง แต่ต้องเก่งกว่านะคะ”
สาวน้อยผู้มุ่งมั่น ‘อลิษา ทรัพย์นิธิ’ จากทีมบ้านทองหยอด คว้าแชมป์หญิงเดี่ยว รุ่น 11 ปี ชั้นป.6 โรงเรียนเซ็นโยเซฟคอนแวนต์
“มาเล่นแบดฯ อายุมากแล้ว 8 ขวบ ถ้าแชมป์จริงๆ เขาจะเริ่มตอนอายุ 5-6 ขวบ มาแข่งจริงๆ ตอนอายุ 9 ขวบ ซ้อมหนักทุกวัน หลังเลิกเรียนจนถึง 1 ทุ่ม เวลาซ้อมต้องเตรียมความพร้อมของร่างกาย โค้ชจะให้เราวอร์มร่างกาย ออกกำลังกาย วิ่ง กระโดด และตีลูกให้แม่น
...เราต้องทำ และทำให้ได้ เพราะมีความมุ่งมั่นและตั้งใจอยากเป็นแชมป์ อยากติดทีมชาติ อยากได้เหรียญทองโอลิมปิก เราต้องตั้งใจทำให้ได้ เมื่อคนอื่นเขาทำได้เราก็ต้องทำได้ ใจต้องเต็มร้อย สู้ตลอด
...เวลาอยู่ในสนามแข่ง เราต้องตีทุกลูก อย่าคิดว่าแพ้ เพราะถ้าคิดว่าแพ้ก็แพ้ ฉะนั้นเราต้องตั้งใจ...สู้...ไม่กลัว แต่หากว่าแพ้คิดว่าจะเอาคืนในครั้งต่อไป แล้วกลับไปฝึกใหม่ให้หนักกว่าเดิม”
รองชนะเลิศอันดับ 1 ชายเดี่ยว รุ่น 13 ปี ผู้คว้ารางวัลคือ ‘ทักษ์ดนัย บุญรอด’ จากทีมบ้านทองหยอด ชั้นม. 2 โรงเรียนอัสสัมชัญ ธนบุรี บอกว่า- -
“เริ่มเล่นแบดตอนอายุ 8 ขวบ เพราะอยากเป็นทีมชาติ จะต้องทุ่มเทหนักมาก ตั้งใจซ้อมและมีความมุ่งมั่นที่จะต้องทำให้ได้ จะซ้อมทุกวัน วันละ 3 ชั่วโมงหลังเลิกเรียน และถึงแม้ว่าเราจะทุ่มเทให้กับการซ้อมหนัก แต่เรื่องการเรียนจะทิ้งไม่ได้ ฉะนั้นในเวลาเรียนจะตั้งใจเรียนในห้องเรียนให้มากๆ
...เวลาแข่ง เราต้องนิ่ง ไม่วอกแวก อยู่ในเกมส์ให้มากที่สุด และโค้ชจะคอยช่วงสร้างความมั่นใจและเป็นกำลังใจที่ดีให้เราอีกด้วย
...การมาแข่งขันครั้งนี้อยากสร้างชื่อเสียงให้กับทีม และอยากได้รางวัลด้วยครับ...ผมคิดว่ากีฬามีประโยชน์มากครับ ทำให้เรามีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ทั้งยังสามารถทำให้ชื่อเสียงให้กับตนเองและทีมอีกด้วย”
รองชนะเลิศอันดับ 2 รุ่น 13 ปี หญิงเดี่ยว คือ ‘น้องธันวรัจน์ รตะนะโม’ จากทีมบางโพ ชั้นม.2 โรงเรียนทิวไผ่งาม
“ตามคุณพ่อมาเล่นแบดเมื่อตอนอายุ 7 ขวบ เห็นเขาเรียนกัน ก็เลยอยากเรียนมั้งตอน 8 ขวบ พอมาเล่นกีฬาสุขภาพก็ดีด้วย ทั้งได้ประสบการณ์เยอะมาก ได้พบปะผู้คน ทำให้เราได้รับรู้ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมาย และอยากติดทีมชาติมากค่ะ แล้วเรื่องเรียนเราก็ไม่ได้ทิ้ง ต้องเรียนพิเศษเพิ่ม ทั้งการการซ้อมก็ซ้อมสม่ำเสมอ เวลาอยู่ในสนาม มีความกดดันนะ แต่เราต้องสนุกกับมัน สนุกกับเกมส์ และสู้...อย่ายอมแพ้”
เรืออากาศเอก ฉัตรชัย บุญมี โค้ชทีมทหารอากาศ กล่าวเสริมว่า- -
“กีฬามีประโยชน์ต่อเด็กๆ มาก ทำให้มีสุขภาพแข็งแรง นอกจากนี้ยังทำให้เป็นคนมีวินัย มีความอดทน เสียสละ ซึ่งสามารถนำไปพัฒนาในเรื่องต่างๆ ในการใช้ชีวิตประจำวันได้ เคยปั้นทีมชาติมาแล้ว และตอนนี้เห็นแวว น้องวีรภัทร ภาคจรุง เป็นมือวางอันดับหนึ่งของประเทศไทย ได้แชมป์มาหลายสมัยแล้ว เด็กคนนี้มีเป้าหมายที่แน่นอน สอนเขาตั้งใจทำ เลยทุ่มเทให้กับเขาเต็มที่ ในการที่จะฝึกเด็ก ต้องใช้วีการที่ถูกต้องตั้งแต่เริ่มแรก ต้องนี้สำคัญมาก คือเรื่องของร่างกาย ซึ่งเน้นในเรื่องของช่วงขาที่ต้องแข็งแรง ฉะนั้นต้องเตรียมตัวให้พร้อมโดยฝึกวิ่งวอร์มทุกวันสม่ำเสมอ และครูก็ต้องยืดหยุ่น เข้าใจเด็กแต่ละคน มาจากพื้นฐานที่ต่างกัน ฉะนั้นต้องมาปรับนิสัย ปรับจุดให้เท่ากัน แล้วเด็กก็ต้องมุ่งมั่น พัฒนาการอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญจะสอนให้ข้ามรุ่น แบบก้าวกระโดด คือต้องแข่งกับเด็กที่โตกว่า ถึงจะไปถึงเป้าหมายได้เร็ว”
สายการบินวันทูโก ขอเป็นตัวกลางส่งเสริมให้นักกีฬาทุกคนที่มีต่างฝัน ใช้ความรักและความม่งมั่น เพื่อสานฝันและโอกาสเพื่อเป้าหมายในวันข้างหน้าของตนเอง เพราะการได้มีโอกาสทำสิ่งที่ดีที่สุด ด้วยการเริ่มต้นจากความรัก รักที่จะคิดดีทำดีให้กับตัวเองและเพื่อนรอบๆ ข้าง จะสร้างและสานฝันเป็นจริงได้เสมอ
เผยแพร่ข่าวในนาม : สายการบิน " วันทูโก " โทร. 66 (0) 2229 4260