กรุงเทพฯ--15 ส.ค.--บ้านปู
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) แถลงผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ประจำปีงบประมาณ 2549 (1 เมษายน 2549 — 30 มิถุนายน 2549) มีกำไรสุทธิจำนวนทั้งสิ้น 807ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 781ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 49 เป็นผลจากกำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนและกำไรของธุรกิจหลักที่ลดลง
“กำไรสุทธิของบริษัทฯ จำนวน 807 ล้านบาท ในไตรมาส 2 นั้นปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ของปีนี้ แต่ปรับตัวลดลงร้อยละ 49 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วเนื่องจากกำไรจากการจำหน่ายธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักลดลงจำนวน 419 ล้านบาท อีกส่วนหนึ่งเป็นผลจากกำไรธุรกิจหลักที่ลดลงขณะเดียวกันปริมาณการขายในตลาดระยะสั้น (Spot Market) ลดต่ำลงกว่าที่เราได้คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตามคาดว่ารายได้รวมของบริษัทฯ ในปีนี้จะยังเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ที่ 30,000 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นร้อยละ 20 จากปี 2548” นาย ชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวชี้แจง
ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา บ้านปูฯ มีรายได้จากการขายรวมจำนวน 7,193 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 1,702 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 31 เนื่องจากปริมาณการขายถ่านหินที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งยังมีรายได้จากธุรกิจไฟฟ้าในประเทศจีนที่บริษัทฯ เข้าถือหุ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาที่ทำให้ฐานรายได้ของบริษัทฯขยายกว้างขึ้น ทั้งนี้แบ่งเป็นรายได้จากการจำหน่ายถ่านหินจำนวน 6,363 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 88.46 ของรายได้จากการขายรวม ซึ่งมาจาก รายได้จากการขายถ่านหินจากแหล่งผลิตในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย 5,824 ล้านบาท และจากแหล่งถ่านหินในไทย 484 ล้านบาท สำหรับรายได้จากธุรกิจไฟฟ้าและไอน้ำมีจำนวน 808 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11.23 ของรายได้จากการขายรวม ส่วนรายได้อื่นๆ จำนวน 22 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.31 ของรายได้จาการขายรวม
“ในปลายปีนี้ บริษัทฯ จะเริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีหลังจากที่โรงไฟฟ้าโรงที่ 1 เริ่มดำเนินการผลิตกระแสไฟฟ้าในเดือนตุลาคมนี้ ส่วนธุรกิจถ่านหินนั้นมีรายได้ค่อนข้างทรงตัว โดยบริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องในการบริหารต้นทุนการผลิตให้มีประสิทธิภาพเพื่อรองรับกับสภาวะต้นทุนที่เปลี่ยนแปลง โดยจะเน้นการลดใช้พลังงาน การบริหารต้นทุนการขนส่งถ่านหิน โดยเฉพาะการทำให้รอบระยะเวลาในการขนส่งสั้นลง การปรับปรุงและขยายประสิทธิภาพท่าเรือให้สูงขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเน้นการบริหารสินทรัพย์ที่มีอยู่โดยการลดสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนต่ำเช่น จะดำเนินการปิดเหมืองใต้ดินคิทาดิน-เอ็มบาลุตที่ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนในระยะยาวอีกด้วย” นายชนินท์ กล่าวเพิ่มเติม
สำหรับปริมาณการขายถ่านหินในไตรมาส 2 ที่ผ่านมามีจำนวน 4.77 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปี 2548 ร้อยละ 26 โดยบริษัทฯ ยังคงตั้งเป้าการผลิตถ่านหินในปีนี้ที่ 21 ล้านตัน และในครึ่งปีแรกที่ผ่าน บริษัทฯ สามารถผลิตถ่านหินได้จำนวนทั้งสิ้น 9.9 ล้านตัน ส่วนราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของบริษัทฯ ประจำไตรมาส 2 เท่ากับ 33.54 เหรียญสหรัฐต่อตัน ลดลง จากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 2 เป็นผลจากการทำสัญญาขายถ่านหินในช่วงในปลายปีที่ผ่านมาซึ่งเป็นช่วงที่ราคาถ่านหินต่ำ อย่างไรก็ตามคาดว่าราคาขายถ่านหินเฉลี่ยในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 35 เหรียญสหรัฐต่อตัน
บ้านปูฯ เป็นหนึ่งในบริษัทพลังงานชั้นนำของเอเชียที่มีฐานการผลิตใน 3 ประเทศ คือ ไทย อินโด นีเซีย และ จีน โดยฐานะการเงินของบริษัทฯ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2549 มีสินทรัพย์รวมจำนวน 42,616 ล้านบาท ลดลง 2,472 ล้านบาท หรือร้อยละ 5 และมีหนี้สินรวมจำนวน 22,233 ล้านบาท ลดลง 969 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2549 อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนของบริษัทฯ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2549 เท่ากับ 0.62 เท่า เทียบกับ 0.34 เท่า ณ วัน
ที่ 31 ธันวาคม 2548
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ
คุณเหมือนฝัน เชื้อเอี่ยม
ฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน)
โทร 02 — 694-6783
แฟกซ์ 02- 207-0697