ปตท. ประกาศเดินหน้าแยกบริษัทท่อส่งก๊าซฯ

ข่าวทั่วไป Tuesday April 11, 2006 10:58 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 เม.ย.--ปตท.
ย้ำกิจการท่อส่งก๊าซอยู่ภายใต้กำกับดูแลของรัฐทั้งก่อนและหลังแปรรูป โดยอัตราค่าผ่านท่อหลังการแปรรูปที่ผ่านมายังคงเหมือนเดิม มั่นใจแปรรูป ปตท. โปร่งใสและถูกต้องทุกขั้นตอนตามกฎหมาย ไม่เอื้อประโยชน์กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ยืนยันผลประโยชน์ และสิทธิต่างๆยังเป็นของรัฐและคนไทย โดยตั้งแต่แปรรูป กลุ่ม ปตท. ส่งเงินเข้ารัฐในรูปภาษีและเงินปันผลเพิ่มขึ้นโดยมียอดรวมประมาณ 140,000 ล้านบาท และมีส่วนช่วยตรึงราคาน้ำมัน ค่าไฟฟ้า และสนับสนุนนโยบายควบคุมราคาก๊าซหุงต้มคิดเป็นมูลค่ากว่า 14,000 ล้านบาทในปี 2548 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากราคาพลังงานที่สูงขึ้นตามตลาดโลก
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) ยืนยันเร่งเดินหน้าแยกกิจการท่อส่งก๊าซฯ ซึ่งปัจจุบันมีการแบ่งแยกทรัพย์สินและผลการดำเนินงานทางบัญชีอยู่แล้ว โดยจะนำเสนอขออนุมัติจากคณะกรรมการ ปตท. และผู้ถือหุ้นต่อไป รวมทั้ง ปตท. จะประสานงานกับหน่วยงานต่างๆของรัฐ เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เป็นภาระต่อผู้บริโภคและสามารถขยายระบบท่อส่งก๊าซฯรองรับความต้องการใช้ก๊าซฯในอนาคตได้อย่างไม่หยุดชะงัก คาดว่าการดำเนินงานจะแล้วเสร็จภายในปี 2549 อย่างไรก็ดี การที่ ปตท.ยังไม่ได้แยกกิจการท่อก๊าซฯดังกล่าวนั้น ไม่ได้ก่อให้เกิดผลกระทบ หรือความเสียหายต่อทั้งผู้ถือหุ้น ภาครัฐ และประชาชนแต่ประการใด เนื่องจากค่าผ่านท่อและค่าดำเนินการถูกกำกับดูแลโดยหน่วยงานของรัฐทั้งก่อนและหลังแปรรูป ซึ่งหลังจากการแปรรูปแล้ว อัตราค่าผ่านท่อและค่าดำเนินการยังคงเดิม
นอกจากนี้ ราคาเนื้อก๊าซฯ รัฐก็เป็นผู้กำกับดูแลราคาด้วยเช่นกัน โดยมีสูตรการปรับราคาที่อิงน้ำมันเตาเพียง 30 % เท่านั้น ซึ่งราคาเนื้อก๊าซฯนี้คิดเป็น 90 % ของราคาก๊าซฯที่ขายให้ผู้ผลิตไฟฟ้า และเป็นรายได้ของผู้สำรวจและผลิตทั้งหมด ปตท. ไม่ได้รับประโยชน์โดยตรงแต่อย่างไร(ซื้อมาเท่าไหร่ก็ขายไปเท่านั้น และในช่วงที่ผ่านมา ปตท.ได้เจรจาลดราคาก๊าซฯกับผู้รับสัมปทานได้แล้วกว่า 14,000 ล้านบาท และในอนาคตจะทยอยปรับลดอีก รวมมูลค่าก๊าซธรรมชาติที่ลดลงได้ทั้งหมด เกือบ 100,000 ล้านบาท ซึ่งปตท.ส่งต่อให้ประชาชนทั้งหมด) โดยหลังการแปรรูป ราคาน้ำมันเตาในตลาดโลก เพิ่มขึ้นถึง 125% ในขณะที่ราคาก๊าซฯ เพิ่มขึ้นเพียง 27% ดังนั้นแม้จะมีการปรับราคาก๊าซฯ แต่ราคาก๊าซฯของไทยก็ยังถูกกว่าของประเทศอื่นอีกหลายประเทศ ทำให้ค่าไฟฟ้าของไทยอยู่ในระดับต่ำ โดยในปี 2548 สามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าเมื่อเทียบกับน้ำมันเตา ได้ถึง 200,000 ล้านบาท และช่วยประหยัดเงินตราต่างประเทศได้กว่า 400,000 ล้านบาท
นายประเสริฐ กล่าวว่า หลังจากที่ได้ตรวจสอบข้อมูล และปรึกษากับนักกฎหมาย และผู้เกี่ยวข้องแล้ว มั่นใจว่าการแปรรูป ปตท. มีความโปร่งใส และดำเนินการถูกต้องทุกขั้นตอนของ พ.ร.บ. ทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2542 โดย พ.ร.บ.ทุนฯ ให้โอนสิทธิ อำนาจ และประโยชน์ของรัฐวิสาหกิจเดิมมายังบริษัทใหม่เท่าที่จำเป็นต่อการดำเนินงานที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม รวมถึงการยุบเลิกวิสาหกิจเดิม ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญ สำหรับในเรื่องการวางระบบขนส่งปิโตรเลียมทางท่อนั้น ศาลปกครองสูงสุดได้เคยมีคำพิพากษาว่า ปตท. มีอำนาจในการวางระบบขนส่งปิโตรเลียมทางท่อได้ นอกจากนี้การแปรรูป ปตท. ก็ไม่ได้มีผลประโยชน์ทับซ้อน โดยคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับการแปรรูปรัฐวิสาหกิจทุกชุด มีคุณสมบัติถูกต้องตามกฎหมาย (คณะกรรมการนโยบายทุนรัฐวิสาหกิจ คณะกรรมการเตรียมการจัดตั้งบริษัท และ คณะกรรมการจัดทำการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน)
สำหรับในเรื่องการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ก็ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มใด เนื่องจากได้มีการกระจายหุ้นตามหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตามแนวปฏิบัติที่เป็นสากล คือการจองซื้อจะต้องผ่านตัวแทนจำหน่ายหุ้นที่เป็นธนาคาร หรือจองซื้อผ่านนายหน้าค้าหลักทรัพย์ที่ตนเป็นลูกค้าอยู่ในราคา IPO ที่ 35 บาท/หุ้น ซึ่งการกระจายหุ้น IPO ในครั้งนั้น ได้ผ่านการตรวจสอบความถูกต้องโดย กลต. ในปี 2545 แล้ว ทั้งนี้ราคาหุ้น ปตท. ก็อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและตลาดในช่วงนั้น(SET Index =305 จุด) ซึ่งพิสูจน์ได้จากราคาหุ้น ปตท.ที่ขึ้นลงอยู่ในระดับใกล้เคียงกับราคาจองซื้ออยู่ถึงเกือบปี และบางช่วงก็มีระดับต่ำสุดถึง 29 บาท ดังนั้นหากนักลงทุนที่จองซื้อไม่ได้ สามารถซื้อในตลาดหลักทรัพย์ได้ในราคาที่ต่ำกว่าราคาจอง และด้วยเงินที่ได้จากการระดมทุนจากตลาดหลักทรัพย์ และความคล่องตัวในการบริหารจัดการ ทำให้ปตท.สามารถเร่งปรับโครงสร้างหนี้ และโครงสร้างธุรกิจของบริษัทในเครือ และบริษัทร่วมทุน ซึ่งในขณะนั้นมีปัญหาภาระหนี้ที่อยู่ในภาวะหยุดการชำระหนี้ให้กับสถาบันการเงินหลายแห่งได้แล้วเสร็จ ประกอบกับการขยายและต่อยอดทางธุรกิจให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว จึงทำให้ราคาหุ้น ปตท. ทะยอยปรับตัวสูงขึ้นเช่นเดียวกับราคาหุ้นของบริษัทอื่นๆ หลายบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ
ในส่วนข้อกังวลเรื่อง อำนาจ สิทธิ และ ประโยชน์ นั้น พ.ร.บ. ทุนฯ ได้กำหนดไว้ชัดเจนว่า หากรัฐถือหุ้นในรัฐวิสาหกิจน้อยกว่า 50% รัฐจะโอนอำนาจ และสิทธิ ประโยชน์ที่ให้ไปกลับคืน และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อปลายปี 2544 ยังได้กำหนดให้ภาครัฐถือหุ้นใน บมจ.ปตท. มากกว่า 51% และให้คงสถานะเป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติที่เป็นรัฐวิสาหกิจ ซึ่ง ปัจจุบัน (ณ 22 มีนาคม พ.ศ. 2549) รัฐยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ทั้งทางตรงและทางอ้อมรวม 68% (โดยกระทรวงการคลังประมาณ 52% และกองทุนวายุภักษ์ประมาณ 16%) นอกจากนี้เมื่อรวมกับสถาบันการเงิน กองทุนไทยซึ่งล้วนแต่มีความสำคัญในการระดมเงินออม เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ สำนักงานประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัทต่าง ๆ และผู้ถือหุ้นรายย่อยไทย อีกประมาณกว่า 10 % แล้ว รัฐและคนไทยมีสัดส่วนถือหุ้นรวมกันกว่า 80% คิดเป็นจำนวนผู้ถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมกว่า 11 ล้านคน ดังนั้น จึงเห็นได้ว่า สิทธิและผลประโยชน์ต่างๆของ ปตท. ยังคงเป็นของชาติ และประชาชนชาวไทยตลอดไป
ทั้งนี้ การแปรรูปของ ปตท. ไม่ใช่การขายสมบัติชาติ แต่เป็นการเพิ่มมูลค่า และความมั่นคงต่อสมบัติของชาติ โดยการพึ่งพาตัวเองไม่เป็นภาระของรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหลังวิกฤติเศรษฐกิจซึ่งหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนประสบปัญหาทางการเงิน และนับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ทำให้ ปตท. มีความคล่องตัว และมีประสิทธิภาพในการดำเนินงาน มีเงินทุนนำไปปรับโครงสร้างหนี้ ทำให้ธุรกิจร่วมทุนของกลุ่มปตท.ยังคงเป็นสมบัติของ ปตท. และสามารถสร้างความเชื่อมั่นต่อสถาบันการเงินทั้งใน และต่างประเทศ ส่งผลให้วันนี้ทุนที่รัฐถือครอง 68% มีมูลค่าประมาณ 5 แสนล้านบาท ซึ่งมากกว่าทุนที่รัฐถือครอง 100% ก่อนการแปรรูป ที่มีมูลค่าเพียงประมาณ 2 หมื่นล้านบาท และกลุ่ม ปตท. สามารถนำเงินส่งรัฐในรูปเงินภาษีเงินได้นิติบุคคลและเงินปันผลตั้งแต่ ปี 2545-ปัจจุบัน รวมประมาณ 140,000 ล้านบาท และตามแผนธุรกิจคาดว่าในอีก 4 ปีข้างหน้า กลุ่ม ปตท.จะสามารถสร้างรายได้ให้กับรัฐเพื่อนำไปพัฒนาประเทศได้ อีกประมาณ 250,000 ล้านบาท
นอกจากนี้จากฐานะการเงินที่เข้มแข็งขึ้น ทำให้ ปตท. เพิ่มขีดความสามารถในการดูแลบริหารกิจการพลังงานในฐานะบริษัทน้ำมันแห่งชาติได้มากกว่าก่อนการแปรรูป เช่น การรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันและก๊าซหุงต้ม และการสนับสนุนนโยบายพลังงานของรัฐในการลดราคาก๊าซฯ เพื่อพยุงค่า Ft ในช่วงวิกฤตพลังงาน อย่างไรก็ดี ยังมีการให้ข้อมูลที่ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เช่น ความเข้าใจผิดกรณีการแปรรูปทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น ซึ่งความจริงนั้นราคาน้ำมันสูงขึ้นตามราคาตลาดโลกแต่ขึ้นในระดับที่ต่ำกว่า โดยในปี 2544 ก่อนการแปรรูป ราคาน้ำมันตลาดโลกอยู่ในระดับ 27 เหรียญต่อบาร์เรล และหลังแปรรูปในปี 2548 ราคาตลาดโลกเพิ่มขึ้นเป็นระดับ 63 เหรียญต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 130% ในขณะที่ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศเพิ่มขึ้นเพียงประมาณ 50% (จากระดับราคา 14 บาทต่อลิตร ก่อนการแปรรูปปี 2544 เป็นราคา 21 บาทต่อลิตรในปี 2548) ขณะที่ค่าการตลาดลดลงจาก 1.18 บาทต่อลิตร เหลือ 0.56 บาทต่อลิตร นอกจากนี้ราคาก๊าซหุงต้มของไทยก็เพิ่มขึ้นต่ำกว่าราคาตลาดโลกเช่นกัน โดยในปี 2544 ก่อนแปรรูป ราคาก๊าซหุงต้มในตลาดโลกอยู่ที่ 260 เหรียญสหรัฐ/ตัน และ ในไตรมาสแรกของปี 2549 ปรับขึ้นเป็น 580 เหรียญสหรัฐ/ตัน หรือเพิ่มขึ้น 123% ในขณะที่ราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มในประเทศเพิ่มขึ้นเพียง 41% (จาก 11.90 บาทต่อ กก. เพิ่มขึ้นเป็น 16.81 บาทต่อ กก) คิดเป็นมูลค่าเงินที่ ปตท. ช่วยรับภาระน้ำมัน ก๊าซหุงต้ม และพยุงค่าไฟฟ้าแทนผู้บริโภครวมกว่า 14,000 ล้านบาทในปี 2548
นอกจากนี้ ประเด็นที่หลายฝ่ายมีความห่วงใยว่า การแปรรูปทำให้ ปตท. ผูกขาดกิจการท่อส่งก๊าซฯ และทำให้ค่าไฟสูงขึ้นนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะ ปตท. ไม่ได้ผูกขาด บริษัทที่ได้รับสัมปทานในการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมสามารถดำเนินกิจการท่อส่งก๊าซฯ ภายใต้ พ.ร.บ. ปิโตรเลียมได้เช่นกัน และที่สำคัญคือ ปตท. ไม่ได้เป็นผู้กำหนดอัตราค่าผ่านท่อฯ ตามที่กล่าวแล้วข้างต้น และในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกิจการผลิตไฟฟ้า ค่าผ่านท่อและค่าตอบแทนการจัดหาให้กับ กฟผ. /กลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ (IPP) เป็นเพียง 9.0% ของกำไรทั้งหมด ในขณะที่เงินลงทุนในท่อส่งก๊าซฯ คิดเป็น 38% ของเงินลงทุนจำนวน 238,000 ล้านบาท ในอีก 5 ปีข้างหน้า
นายประเสริฐ กล่าวว่า ปตท. เป็นองค์กรที่ใหญ่ที่มีความสำคัญต่อประเทศ ประกอบกับธุรกิจของกลุ่ม ปตท.มีความหลากหลาย และเกี่ยวข้องกับผู้มีส่วนได้เสียจำนวนมาก ดังนั้นหากมีประเด็นที่ยังเป็นที่สงสัย หรือไม่ชัดเจน ปตท. พร้อมที่จะชี้แจงเพิ่มเติมต่อไป และ ปตท. ขอยืนยันว่ายังคงเป็นหน่วยงานรัฐที่มุ่งดำเนินธุรกิจภายใต้หลักธรรมาภิบาล สร้างความมั่นคงทางพลังงาน และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทรัพยากรของชาติ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชนชาวไทย

แท็ก ปตท.  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ