ทุนเยอรมันทุ่ม 6 พันล้านกลางจอมเทียน สร้างตึกที่สูงที่สุดในเมืองไทยแห่งใหม่

ข่าวท่องเที่ยว Wednesday September 6, 2006 16:01 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--6 ก.ย.--สยาม เบสท์ เอนเตอร์ไพรส์
จากข้อมูลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยระบุว่า ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจเข้ามาท่องเที่ยวที่เมืองพัทยามากกว่า 5.3 ล้านคน โดยมีอัตราเพิ่มขึ้นกว่า 7% ในระยะ 2 ปีที่ผ่านมาและมีแนวโน้มของกลุ่มตลาดระดับสูงในการพักที่โรงแรมระดับ 4-5 ดาวเพิ่มขึ้นถึง 64% ภายในหนึ่งปีหรือ 1.5 ล้านคนเนื่องจากพัทยาอยู่ห่างจากกรุงเทพไม่ไกลมากนัก และนอกจากนี้สนามบินสุวรรณภูมิที่จะเปิดใช้ในเดือนตุลาคมนนี้จะอำนวยให้มีนักท่องเที่ยวหลั่งใหลเข้ามาท่องเที่ยวในเมืองพัทยามากขึ้น
จึงส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในเมืองพัทยาเร่งการพัฒนาโครงการในย่านพัทยาโดยเฉพาะหาดจอมเทียนกันเป็นจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือบริษัท สยาม เบสท์ เอนเตอร์ไพรส์ จำกัด ที่กำลังมีโครงการขนาดยักษ์บนหาดจอมเทียนและเป็นที่สนใจของคนไทยจำนวนมาก เนื่องจากโครงการดังกล่าวจะถูกยกให้เป็นตึกที่สูงที่สุดแห่งใหม่ของประเทศไทยแทนที่ตึกใบหยก 2 ด้วยเงินลงทุนกว่า 6,000 ล้านบาท และถ้าหากจะแบ่งเป็นประเภทอาคารเพื่อการอยู่อาศัย คอนโดมีเนียมดังกล่าวก็ยังจะถูกจัดให้เป็นตึกเพื่อการอยู่อาศัย (Residential Building) ที่มีขนาดสูงที่สุดในโลกอีกด้วย
นายบรูโน่ พินเกล ประธานบริษัท สยาม เบสท์ เอนเตอร์ไพรส์ จำกัด เปิดเผยว่าเนื่องจากปัจจุบันการแข่งขันทางด้านอสังหาริมทรัพย์ในเมืองพัทยามีสูงมาก โดยในเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมาบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เกิดขึ้นมากกว่า 40 แห่ง และมีลักษณะของโครงการที่คล้ายๆกันคือ คอนโดมีเนียมแบบโลวไรส์ 7-8 ชั้น ซึ่งเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติ ทั้งที่ทางบริษัทฯ ของนายบรูโน่ เป็นต้นฉบับของการสร้างคอนโดมีเนียมในลักษณะดังกล่าวมากว่า 10 ปีแล้ว ประกอบกับแนวโน้มที่มีชาวต่างชาติสนใจการเข้ามาอยู่ในเมืองไทยระยะยาวแบบลองสเตย์ หรือหลังเกษียณอายุมี รวมถึงนักทุนไทยที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อปล่อยเช่าหรือขายมีมากขึ้น อีกทั้งที่ดินว่างในพัทยาก็มีจำนวนจำกัดและราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้นายบรูโน่มีแนวคิดที่จะทำโครงการที่แตกต่างออกไป นั่นคือการสร้างคอนโดมีเนียมเพื่อการอยู่อาศัยประเภทหรูหรา ระดับ 5 ดาวที่มีความสูงถึง 91 ชั้นบนหาดจอมเทียน โดยนายบรูโน่มีแนวคิดที่จะทำให้ตึกที่มีมูลค่าขายกว่า 12,000 ล้านบาทนี้ เป็นสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวแห่งใหม่ของพัทยา หรือเมืองไทยอีกด้วย โดยชั้นยอดบนสุดของตึกระฟ้าจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปขึ้นชมด้วยลิฟท์ตรง หรือเรียกว่า (Sky Observation) เหมือนตึก Empire Building ที่ New York นอกจากนี้ทางบริษัทฯจะทำส่วนล่างของอาคารให้เป็นร้านสินค้า แบรนด์เนมชั้นนำ ร้านอาหาร และบาร์ระดับ 5 ดาวอีกด้วย เพราะตนเห็นว่าเมืองพัทยายังขาดธุรกิจที่ตอบสนองตลาดระดับสูงเช่นนี้อยู่ ภาวะในปัจจุบันคือชาวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวในเมืองพัทยา แต่เวลาต้องการซื้อหรือใช้บริการของสินค้าแบรนด์เนมราคาแพงต่างๆจะต้องเดินทางเข้ากรุงเทพฯเท่านั้น หรือแม้แต่บาร์หรือร้านอาหารระดับ 5 ดาวก็มีเพียงไม่กี่ที่ในเมืองพัทยา และส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในโรงแรมอีกด้วย ดังนั้นการเพิ่มธุรกิจดังกล่าวเข้าไปไม่เพียงเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศเท่านั้น ยังจะทำให้ภาพพจน์ของพัทยาเปลี่ยนไปอีกด้วย
อาคารดังกล่าวมีความสูง 367 เมตร 91 ชั้น รวม 611 ยูนิตบนเนื้อที่ 12.5 ไร่ มีราคาขายตั้งแต่ 5.5 — 150 ล้านบาทต่อห้อง โดยเป็นการกู้สินเชื่อโครงการจากธนาคารทหารไทย 50% และจากเงินทุนเดิมอีก 50% โครงการดังกล่าวได้รับการอนุมัติการสร้างจากสภาเมืองพัทยาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2553 ซึ่งในขณะนี้ก็มียอดถูกจองไปแล้วกว่า 12% อย่างไม่เป็นทางการหลังได้รับการอนุมัติเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานี้เพียงไม่กี่สัปดาห์ และลูกค้าส่วนใหญ่จะเจาะกลุ่มเป็นชาวต่างประเทศในกลุ่มยุโรปที่มีฐานะและรายได้ระดับสูง โดยทางบริษัทฯมีกำหนดที่จะเปิดตัวและแถลงข่าวอย่างเป็นทางการภายในต้นเดือนตุลาคมนี้
นายบรูโน่ พินเกล เป็นคนเยอรมันที่ได้เดินทางเข้ามาพักอาศัยและทำธุรกิจในเมืองพัทยามากกว่า 17 ปีแล้ว โดยมีประสบการณ์การทำบริษัทให้คำปรึกษาทางการเงินและการลงทุนเมื่อสมัยอยู่เยอรมัน เมื่อแรกเข้ามาเมืองไทยก็เริ่มหุ้นทำธุรกิจประกอบและขายเฟอร์นิเจอร์กับเพื่อนในเมืองพัทยา จนพัฒนามาเป็นผู้ประกอบการทางด้านอสังหาริมทรัพย์ในเวลาต่อมา ปัจจุบันนายบรูโน่มีธุรกิจทั้งที่เป็นของตนเองและร่วมหุ้นกับเพื่อนอยู่ 7 ธุรกิจ ได้แก่ บริษัท พัทยา พร้อพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัท วิวทะเล พร้อพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัท วิวทะเล คอนสตรัคชั่น จำกัด บริษัท จอมเทียน คอนสตรัคชั่น จำกัด บริษัท พัทยา พร้อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น พัทยาโพสต์ และบริษัท สยาม เบสท์ เอนเตอร์ไพรส์ จำกัด ซึ่งอันหลังสุดนี้เป็นบริษัทที่นายบรูโน่เป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว
โครงการเด่นอื่นๆ ภายใต้ชื่อ บริษัท พัทยา พร้อพเพอร์ตี้ จำกัดในรอบ 7 ปีที่ผ่านมานั้น ได้แก่โครงการ วิวทะเล วิลล่า จำนวน 200 ยูนิตที่ขายหมดไปส่วนหนึ่งแล้ว และอีกส่วนเปิดให้เป็นเกสท์เฮาส์ นอกจากนี้ ยังมีโครงการ วิวทะเล เรสซิเดนท์ คอนโดมีเนียม ที่มีความสูง 8 ชั้นขายหมดไปแล้ว 3 โครงการแรก โครงการที่ 4 ถูกจองกว่า 70% และโครงการที่ 5และ6 กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างและจะเปิดให้จองอย่างเป็นทางการเร็วๆนี้ รวมมูลค่าทั้ง 6 อาคารประมาณ 4,000 ล้านบาท รวมเม็ดงุนลงทุน 1,400 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีโครงการวิลล่าภายใต้แบรนด์มาเจสติก เรสซิเดนท์ บนพื้นที่ 29 ไร่รวมมูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท มียอดขายแล้วกว่า 80%
โดยโครงการทั้งหมดอยู่ในเขตหาดจอมเทียน พัทยา และลูกค้าส่วนใหญ่ของทุกๆโครงการเป็นชาวต่างชาติ มีส่วนน้อยที่เป็นคนไทยที่ซื้อไว้เพื่อการอยู่อาศัยและขายต่อ นายบรูโน่เองมีความผูกพันธ์กับพัทยา นับตั้งแต่ความประทับใจครั้งแรกที่มาเพื่อท่องเที่ยวเมื่อ 17 ปีก่อน จึงไม่คิดสนใจลงทุนที่สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ เช่น สมุยหรือภูเก็ต หรือแม้แต่กรุงเทพฯ อีกทั้งตนก็มีความเชี่ยวชาญและเป็นคนในพื้นที่ และมองเห็นว่าพัทยายังมีโอกาสโตได้อีกมาก นอกจากนี้นายบรูโน่ยังให้ความเห็นถึงการมาลงทุนของชาวต่างในประเทศไทยอีกว่า นโยบายการตรวจสอบนอมินีของรัฐบาลในขณะนี้ทำให้นักลงทุนจากต่างชาติลังเลใจ และชะลอการตัดสินใจการลงทุนเป็นจำนวนมาก เพราะบางแห่งเป็นการเข้ามาลงทุนด้วยเม็ดเงินจริงอย่างกรณีของนายบรูโน่และเพื่อน มิใช่การเข้ามาฟอกเงินเหมือนผู้ไม่สุจริตอื่นๆ อีกทั้งกฎหมายสำหรับชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนและซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยยังมีความยุ่งยากและซับซ้อนซึ่งไม่เอื้ออำนวยต่อการเข้ามาลงทุน แม้ว่ารัฐบาลจะประกาศสนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศก็ตาม
For more information, please contact
(X) Kulawit —Lowe Worldwide (Thailand)-
02-670-1000 #203
Or visit www.ocean1tower.com /
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ