กรุงเทพฯ--22 พ.ค.--อินโดรามา โพลีเมอร์ส
บริษัท อินโดรามา โพลีเมอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IRP หนึ่งในผู้ผลิตโพลีเอสเตอร์รายใหญ่ของโลก คาดรายได้ในปีนี้จะยังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง พร้อมมั่นใจค่าสเปรดจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องจากไตรมาสแรก
นายดีลิป กุมาร์ อากาวาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร IRP กล่าวในงาน Opportunity Day วันนี้ (22 พ.ค. 2552) ที่ตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย ว่า “เรามั่นใจว่าในปีนี้รายได้จะแตะ 45,000- 47,000 ล้านบาท เนื่องจากค่าสเปรดในไตรมาสที่สองยังคงสูงต่อเนื่องจากไตรมาสแรก ในขณะที่ IRP มีการใช้กำลังการผลิตในอัตราที่สูงมาก และปริมาณการขายก็จะไม่ต่ำกว่าไตรมาสแรก”
เขากล่าวว่า IRP ใช้กำลังการผลิตเกือบเต็ม 100% ในปัจจุบัน และกำลังการผลิตจะเพิ่มสูงขึ้น เมื่อโรงงานในประเทศสหรัฐอเมริกาเริ่มการผลิตในเชิงพาณิชย์
IRP มีกำไรสุทธิ 681 ล้านบาทในไตรมาสแรก ซึ่งเติบโตสูงกว่า 197.4% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากปริมาณการขายที่เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ต้นทุนการผลิตลดต่ำลง สำหรับค่าสเปรดนั้น ในไตรมาสแรกมีมูลค่า 232 เหรียญสหรัฐต่อตัน สูงกว่า 208 เหรียญสหรัฐต่อตันในไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมา
IRP ซึ่งมีฐานการผลิตทั้งในเอเชีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่าในปีนี้กำลังการผลิตเฉลี่ยต่อไตรมาสจะเท่ากับ 250,000 ตัน หรือรวมเป็น 1.1 ล้านตันในปีนี้ ซึ่งสูงกว่า 770,000 ตันในปีที่ผ่านมา
“ภาพรวมในไตรมาสนี้ดีมาก และเรายืนยันได้ว่า จุดเลวร้ายที่สุดของอุตสาหกรรมได้ผ่านพ้นไปแล้ว ซึ่งความแข็งแกร่งของ IRP ทำให้ลูกค้าหลายรายทั่วโลกไว้ใจให้ IRP เป็นแหล่งผลิต ส่งผลให้ยอดคำสั่งซื้อของเราสูงมาก และเราต้องเริ่มปฏิเสธลูกค้ารายใหม่บางราย” นาย อากาวาล กล่าว
เขากล่าวเพิ่มเติมว่า ยอดขายที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณการผลิตโพลีเอสเตอร์ในโรงงานผลิตแห่งอื่น ๆ กว่า 1.62 ล้านตันทั่วโลกต้องยุติการผลิตลง และอีกกว่า 1.72 ล้านตันก็ถูกเลื่อนการผลิตออกเป็น ในขณะที่โรงงาน IRP ในประเทศสหรัฐอเมริกาต้องใช้กำลังการผลิตกว่า 110% อีกทั้งยังมีการนำเข้าผลิตภัณฑ์จากประเทศในเอเชีย เพื่อขายในประเทศสหรัฐอเมริกาด้วย
เขาประมาณการณ์ว่า ตลาด PET จะยังเติบโตต่อไป ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ถดถอย เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการบริโภคขั้นพื้นฐานที่สำคัญ และการเติบโตที่รวดเร็วของบริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคหลายเช่น โคคา-โคล่า, เป๊ปซี่, เนสท์เล่ โดยบริษัท ฯ เหล่านี้ล้วนเป็นลูกค้าของ IRP และมีปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน
นาย อากาวาล กล่าวว่า IRP ยังคงไว้ซึ่งกลยุทธ์ที่จะมองหาโอกาสในการลงทุนเพื่อเข้าซื้อกิจการอื่น ๆ ในอุตสาหกรรมโพลีเมอร์สพิ่มเติมอีกด้วย โดยจะต้องพิจารณาในหลายปัจจัย รวมทั้งความคุ้มค่าจากการลงทุน อย่างไรก็ตาม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร IRP ยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีการเจรจากับผู้ผลิตรายใด แม้ว่าจะมีบริษัท ฯ หลายรายทำการเสนอเงื่อนไขเข้ามาตลอดเวลาก็ตาม
IRP ยังได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่ลดลง แม้ว่าการเพิ่มสูงขึ้นของราคาน้ำมันดิบในช่วงเวลาที่ผ่านมาจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัท ฯ มากนักก็ตาม รวมทั้งในช่วงครึ่งปีหลังนั้นคาดว่า ผลผลิตพาราไซลีน และ MEG ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักของบริษัท ฯ จะมีปริมาณที่เพิ่มขึ้นจากการผลิตในประเทศจีนและตะวันออกกลาง จึงส่งผลให้ราคาวัตถุดิบปรับตัวลดลง
นอกจากนี้แล้ว IRP ยังมองหาโอกาสที่จะลงทุนเพื่อพัฒนาการผลิตด้วยระบบรีไซเคิล ซึ่งจะช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม โดยคาดว่าแผนการดังกล่าวจะสามารถเริ่มได้ในเร็ว ๆ นี้
ในสัปดาห์นี้ บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) หรือ SSC ผู้ผลิตน้ำอัดลม “เป๊ปซี่” ประกาศแผนการลงทุนเพิ่มกว่า 1,500 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตขวด PET
นาย อากาวาลกล่าวว่า “นี่จะส่งผลดีต่อ IRP เนื่องจาก SCC ซื้อวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตขวด PET จากเราทั้ง 100% ซึ่งหาก SCC เพิ่มกำลังการผลิตอีก 3,000 ตันต่อปี จึงนับเป็นข่าวดีของเรา” นาย อากาวาล กล่าว
เกี่ยวกับ IRP บริษัท อินโดรามา โพลีเมอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IRP เป็นกลุ่มบริษัทในเครือ อินโดรามา เวนเจอร์ หนึ่งในผู้ผลิต PET รายใหญ่ของโลก มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ กรุงเทพฯ และมีโรงงานผลิตกว่า 14 แห่ง ใน 5 ประเทศ (3 ทวีป) มีการจ้างงานกว่า 3,600 คน และตั้งเป้าที่จะสร้างรายได้รวมกว่า 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2552