ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ชุดใหม่ “ธ. เกียรตินาคิน” “A-/Stable”

ข่าวทั่วไป Friday April 7, 2006 09:04 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--7 เม.ย.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ยืนยันอันดับเครดิตองค์กรและอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันในปัจจุบันของ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) คงเดิมที่ระดับ “A-” พร้อมทั้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาทของธนาคารที่ระดับ
“A-” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงความสามารถของคณะผู้บริหาร ความสามารถในการขยายธุรกิจใหม่เพื่อทดแทนธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่มีขนาดลดลงเรื่อยๆ ตลอดจนการมีฐานะเงินกองทุนและสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในระดับแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรองรับความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงปัจจัยแวดล้อมในธุรกิจธนาคารพาณิชย์ อันดับเครดิตดังกล่าวยังได้พิจารณาถึงประโยชน์จากการเป็นธนาคารพาณิชย์ที่จะทำให้ธนาคารมีความยืดหยุ่นทางการเงินที่ดีขึ้นและมีโอกาสในระยะยาวในธุรกิจธนาคารพาณิชย์ อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตของธนาคารมีข้อจำกัดจากการมีมูลค่าและเครือข่ายทางธุรกิจที่จำกัดเมื่อเปรียบเทียบกับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ นอกจากนี้ ยังมีข้อจำกัดจากภาวะการแข่งขันในธุรกิจธนาคารพาณิชย์ที่ทวีความรุนแรงและปัญหาคุณภาพสินเชื่อสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มมากขึ้นด้วย
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ว่าธนาคารจะสามารถรักษาระดับการทำกำไรเอาไว้ได้อย่างต่อเนื่องในระยะปานกลาง แนวโน้มอันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการมีระบบการบริหารความเสี่ยงที่ยอมรับได้และเงินกองทุนในระดับเพียงพอที่จะช่วยปกป้องธนาคารจากความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจได้ นอกจากนี้ สถานภาพใหม่ในฐานะธนาคารพาณิชย์คาดว่าจะช่วยเพิ่มระดับความยืดหยุ่นทางการเงินและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้แก่ธนาคารจากขอบเขตที่กว้างขวางยิ่งขึ้นของธุรกิจธนาคารพาณิชย์ด้วย
ทริสเรทติ้งรายงานว่า ธนาคารเกียรตินาคินได้หันมาทำธุรกิจให้กู้ยืมตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นมาเพื่อจะทดแทนธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายใน 2 ปีข้างหน้า โดยเน้นไปที่การให้สินเชื่ออสังหาริมทรัพย์และเช่าซื้อรถยนต์ซึ่งเป็นธุรกิจที่ธนาคารได้ประสบการณ์และความชำนาญมาจากธุรกิจบริหารสินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2548 สินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ของธนาคารมีสัดส่วน 51% และ 38% ของสินเชื่อรวมของธนาคารตามลำดับ ธุรกิจดังกล่าวช่วยสร้างรายได้ที่ต่อเนื่องและให้ผลตอบแทนที่ดีแก่ธนาคารตลอดช่วงปี 2546-2548 อย่างไรก็ตาม ปัจจัยทางเศรษฐกิจและธุรกิจที่เอื้ออำนวยน้อยลงมีผลกระทบต่อคุณภาพสินทรัพย์ของสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์และสินเชื่อก่อสร้างของธนาคาร และนำมาซึ่งการถดถอยลงอย่างต่อเนื่องของคุณภาพสินเชื่อ
ทริสเรทติ้งกล่าวว่าอัตราส่วนสินเชื่อจัดชั้นที่ค้างชำระเกิน 3 เดือน (ชั้นปกติ ชั้นสงสัย และชั้นสงสัยจะสูญ) ต่อสินเชื่อรวมของสินเชื่อแต่ละประเภทของธนาคารเพิ่มขึ้นเป็น 4.8% และ 28.6% ตามลำดับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2548 จากระดับ 3.8% และ 21.3% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2547จากการที่ธนาคารเน้นให้สินเชื่อที่มีความเสี่ยงสูงแต่ให้ผลตอบแทนสูง โดยเฉพาะสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ ผู้บริหารของธนาคารจึงมีนโยบายในการรักษาเงินกองทุนและสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง โดย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2548 สินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคาร (สินเชื่อจัดชั้นที่ค้างชำระเกิน 3 เดือน ยอดคงค้างสินเชื่อที่ปรับโครงสร้างหนี้ และสินทรัพย์รอการขาย) คิดเป็น 0.71 เท่าของเงินกองทุนและค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญของธนาคาร ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ระดับ 1.32 เท่าสำหรับธนาคารพาณิชย์ไทยทั้ง 14 แห่ง (รวมธนาคารพาณิชย์ที่ได้รับอนุญาตใหม่ 3 แห่ง ได้แก่ ธนาคารสินเอเซีย จำกัด (มหาชน) ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) และธนาคารเกียรตินาคิน)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ