ปภ.แนะป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่า

ข่าวทั่วไป Tuesday May 26, 2009 08:03 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--26 พ.ค.--ปภ. กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แนะผู้ขับขี่เตรียมความพร้อมในการขับรถช่วงฤดูฝน เนื่องจากสภาพถนนเปียกลื่น ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย โดยตรวจสอบสัญญาณไฟ ที่ปัดน้ำฝน ระบบเบรกให้ใช้งานได้ดี เติมลมยางให้มีแรงดันมากกว่าปกติ ในขณะที่ฝนตกไม่ควรขับรถด้วยความเร็วสูง เปลี่ยนช่องทางกะทันหัน เว้นระยะห่างจากรถคันหน้ามากกว่าปกติ ๑๐ — ๑๕ เมตร หลีกเลี่ยงการเปิดใช้สัญญาณไฟกระพริบโดยไม่จำเป็น ควรเปิดไฟส่องสว่างแบบต่ำ เพื่อให้มองเห็นเส้นทางอย่างชัดเจน นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า ฤดูฝนเป็นช่วงที่มีอุบัติเหตุทางถนนสูงกว่าปกติ เนื่องจากช่วงที่ฝนตกสภาพถนนจะเปียกลื่นประกอบกับน้ำฝนที่เกาะอยู่ตามกระจก ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นไม่ดี จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนน โดยเฉพาะอุบัติเหตุรถชนท้ายหรือรถหลุดโค้ง เพื่อความปลอดภัยในการขับรถช่วงฤดูฝน ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติ ดังนี้ การเตรียมความพร้อมของสภาพรถ ตรวจสอบระบบสัญญาณไฟ ทั้งไฟเลี้ยว ไฟหน้า ไฟฉุกเฉิน ไฟหลัง และไฟตัดหมอก รวมถึงอุปกรณ์ปัดน้ำฝนให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ดี โดยก้านปัดน้ำฝนกวาดน้ำฝนได้สะอาดไม่เป็นเส้นหรือมัว ท่อฉีดน้ำไม่อุดตัน เติมน้ำในกระปุ๊กฉีดน้ำอยู่เสมอ และควรเติมลมยางรถยนต์ให้มีแรงดันลมมากกว่าปกติ ๒ — ๓ ปอนด์/ตารางนิ้ว เพื่อให้หน้ายางแข็งและมีกำลังในการรีดน้ำได้ดี ดอกยางละเอียดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน ตลอดจนตรวจสอบระบบเบรกให้สามารถหยุดรถได้ทันท่วงที ไม่มีอาการปัดในขณะหยุดรถ วิธีการขับรถขณะฝนตก เริ่มจากผู้ขับขี่ควรเปิดที่ปัดน้ำฝนโดยปรับระดับความเร็วให้สัมพันธ์กับสภาพฝนที่ตกลงมา กดปุ่มไล่ฝ้ากระจกหลัง เพื่อให้มองเห็นเส้นทางชัดเจนขึ้น ในช่วงฝนตกใหม่ๆ น้ำที่กระเด็นขึ้นมาจากพื้นถนนจะมีลักษณะเหนียวคล้ายโคลน ควรใช้น้ำฉีดกระจdชะล้างคราบโคลน แต่ไม่ควรฉีดในขณะที่ขับรถด้วยความเร็วสูง เพราะจะทำให้มองเห็นเส้นทางไม่ชัดเจน เนื่องจากในช่วงที่ฝนตกสภาพถนนจะเปียกลื่น ผู้ขับขี่ควรเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่ขับรถเร็ว เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากรถลื่นไถลหรือหยุดรถไม่ทัน ซึ่งระดับความเร็วที่ช่วยป้องกันรถลื่นไถลอยู่ที่ ๖๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่ขับรถชิดคันหน้ามากเกินไป และเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากกว่าปกติ ๑๐ — ๑๕ เมตร พยายามขับรถอยู่ในช่องทางของตนเอง ไม่หยุดรถหรือเปลี่ยนช่องทางกะทันหันในระยะกระชั้นชิดโดยไม่จำเป็นอย่างเด็ดขาด ทุกครั้งที่เปลี่ยนเส้นทางต้องมองให้แน่ใจว่ามีพื้นที่เพียงพอ หลีกเลี่ยงการเปิดไฟกระพริบหรือไฟฉุกเฉิน เพราะนอกจากจะสร้างความเข้าใจผิดกับผู้ร่วมใช้เส้นทางจนต้องเปลี่ยนเส้นทางแล้ว ยังทำให้ไม่มีสัญญาณไฟเลี้ยวใช้ตามปกติ ควรให้เปิดไฟส่องสว่างแบบต่ำจะช่วยให้มองเห็นเส้นทางชัดเจนขึ้น ไม่เปิดสัญญาณไฟสูง เพราะจะทำให้รถที่สวนมาเกิดอาการตาพร่ามัวและเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย รวมทั้งควรเปิดไฟตัดหมอกในช่วงกลางคืนที่ฝนตกหนักหรือสภาพถนนเฉอะแฉะ เพื่อลดการสะท้อนของไฟหน้ารถกับน้ำบนถนนจะช่วยมองเห็นเส้นทางชัดเจนขึ้น และเพื่อป้องกันน้ำที่กระเซ็นจากล้อรถคันอื่นให้แก้ไขโดยขับรถให้เร็วกว่าหรือช้ากว่ารถคันที่ทำให้เกิดละอองน้ำ กรณีทัศนวิสัยไม่ดี ควรจอดพักรถในบริเวณที่ปลอดภัย เช่น จุดพักรถริมทาง ปั๊มน้ำมัน รอจนฝนหยุดตกหรือสามารถมองเห็นเส้นทางข้างหน้าได้ดีขึ้นค่อยขับต่อไป กรณีมีน้ำท่วมขัง อาจทำให้รถเกิดอาการลื่นไถลหรือแฉลบเสียการทรงตัวได้ง่าย ให้เพิ่มความระมัดระวังและใช้ความเร็วต่ำ ไม่ควรเหยียบเบรกกะทันหันเพื่อให้รถหยุดในทันที ควรค่อยๆถอนคันเร่งเพื่อเบาเครื่องและลดความเร็วของรถลง รวมทั้งพยายามบังคับพวงมาลัยให้มั่นคงและขับในช่องทางของตนเอง หากต้องขับรถสวนรถคันใหญ่ควรชะลอความเร็ว เพื่อป้องกันระลอกคลื่นปะทะเครื่องยนต์ทำให้เครื่องยนต์ดับ เมื่อขับผ่านบริเวณที่น้ำท่วมขังให้ค่อยๆแตะเบรกแบบย้ำๆ เพื่อไล่ความชื้นออกจากผ้าเบรกจะช่วยให้เบรกทำงานได้ดีขึ้น เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ ผู้ขับขี่ควรศึกษาวิธีการขับขี่รถในช่วงฝนตกหนักและการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อให้การเดินทางเป็นไปด้วยความปลอดภัย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ