กรุงเทพฯ--26 พ.ค.--กทม.
โครงการบ้านยิ้มเฟสแรกเปิดจองบ้าน 1—5 มิ.ย. นี้ ที่ศูนย์เยาวชนกทม. มีเงื่อนไขโอนกรรมสิทธิ์ไม่ได้หากไม่ครบ 5 ปี ป้องกันโก่งราคาซื้อขาย แย้มเตรียมโครงการ 2 เปิดโอกาสข้าราชการและลูกจ้างกทม. รีไฟแนนซ์ หรือเลือกซื้อบ้านได้ตามใจชอบ หรือให้สิทธิกู้ดอกเบี้ยต่ำกับผู้ที่เคยยื่นขอไว้ก่อนหน้า
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานครว่า ตามที่กรุงเทพมหานครได้ดำเนินโครงการบ้านยิ้ม ด้วยการให้สิทธิข้าราชการและลูกจ้างประจำของกรุงเทพมหานคร ซื้อบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติในอัตราดอกเบี้ยถูกกว่าท้องตลาด ซึ่งเปิดจองเมื่อวันที่ 1—10 เม.ย. ที่ผ่านมา มีผู้ประสงค์ยื่นความจำนงขอจองทั้งสิ้น 1,900 ราย ได้แก่ ข้าราชการ จำนวน 866 ราย ลูกจ้างประจำ จำนวน 1,034 ราย จะต้องใช้วงเงิน จำนวน 855 ล้านบาท ขณะนี้สำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัยกำลังออกใบรับรองสิทธิ เพื่อใช้เป็นหลักฐานนำไปกู้เงินจากธนาคาร
ทั้งนี้กรุงเทพมหานครกำหนดสัปดาห์จองและทำสัญญาซื้อบ้านตามโครงการบ้านยิ้ม ในระหว่างวันที่ 1—5 มิ.ย. 52 เวลา 09.00—16.00 น. ณ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย—ญี่ปุ่น) โดยการเคหะแห่งชาติ และธนาคาร 3 ธนาคาร ประกอบด้วย ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารอาคารสงเคราะห์ ร่วมออกบูทเพื่อรับจองและพิจารณาผ่านสิทธิการกู้เงินด้วย ซึ่งการตรวจสอบผู้ผ่านสิทธิการขอกู้ของธนาคารใช้เวลาพิจารณา ประมาณ 3—7 วัน สำหรับผู้ได้สิทธิสินเชื่อทั้ง 1,900 ราย ที่จะไปจองบ้านของการเคหะแห่งชาติ หากยอดจองบ้านแต่ละแห่งเกินจำนวนบ้านที่มีอยู่การเคหะแห่งชาติจะเป็นผู้พิจารณาสิทธิเอง หรืออาจใช้วิธีการจับฉลาก และเงื่อนไขสำคัญผู้จองซื้อบ้านจะไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้หากยังไม่ครบ 5 ปี ซึ่งเป็นข้อตกลงของการเคหะแห่งชาติกับคณะรัฐมนตรีชุดที่แล้ว ที่ป้องกันไม่ให้มีการซื้อขายโก่งราคาให้แพงขึ้น ไม่ใช่ข้อกำหนดของกรุงเทพมหานคร ขอให้ข้าราชการและลูกจ้างตรวจสอบรายละเอียด และเงื่อนไขต่างๆ ให้ครบถ้วน ชัดเจน เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมโครงการและจองบ้านการเคหะหรือไม่ ป้องกันปัญหาในภายหลัง
สำหรับสาเหตุสำคัญที่ทำให้มีผู้จองซื้อบ้านในโครงการบ้านยิ้มเฟสแรกน้อย เนื่องจากการประชาสัมพันธ์มีระยะเวลาจำกัด อาจทำได้ไม่ทั่วถึง บ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติส่วนใหญ่อยู่ไกลสถานที่ทำงาน การเดินทางไม่สะดวก รวมถึงจุดที่อยู่ในเขตกรุงเทพมหานครมีน้อย ผู้ซื้อเข้าใจว่าผู้มีสิทธิจองซื้อต้องมีเงินเดือนไม่เกิน 13,500 บาท เท่านั้น และผู้ซื้อบางส่วนต้องการเลือกซื้อบ้านทั่วไปที่ไม่ใช่บ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ รวมถึงจากการสอบถามข้อมูลจากข้าราชการและลูกจ้างกรุงเทพมหานครเพิ่มเติม พบว่า ยังมีข้าราชการและลูกจ้างกรุงเทพมหานครจำนวนมากที่มีความประสงค์จะซื้อบ้าน แต่ที่มียอดผู้จองบ้านการเคหะแห่งชาติเพียง 1,900 ราย เนื่องจากมีข้าราชการบางส่วนได้ทำสัญญาซื้อบ้านอยู่แล้ว หรือบางส่วนไม่ประสงค์จะซื้อบ้านของการเคหะแห่งชาติ จึงมีแนวทางให้ดำเนินโครงการบ้านยิ้มเฟส 1 ให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นจะศึกษาแนวทางโครงการบ้านยิ้ม เฟส 2 โดยอาจให้ข้าราชการที่ทำสัญญาซื้อบ้านอยู่แล้วสามารถเข้าโครงการในลักษณะรีไฟแนนซ์ หรืออีกแนวทางหนึ่งเปิดโอกาสให้สิทธิข้าราชการเลือกซื้อบ้านตามใจชอบแล้วเข้าโครงการกับกรุงเทพมหานคร โดยอาจกำหนดฐานเงินเดือนให้สูงขึ้นกว่าเดิม หรือในระยะต่อไปอาจเปิดขยายให้ยื่นกู้ได้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำสำหรับข้าราชการที่เคยขอยื่นกู้ไว้แล้วแต่ยังไม่ได้สิทธิกว่า 200 ราย เนื่องจากยังมีวงเงินเหลือที่ใช้ในโครงการบ้านยิ้มเฟส 1