กรุงเทพฯ--27 พ.ค.--มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
นักโภชนาการเผย “น้ำมันคาโนล่าผสมน้ำมันทานตะวัน” โดยนำเอาข้อดีของน้ำมันทั้ง 2 ชนิดอยู่ในขวดเดียวกัน ถือเป็นทางเลือกใหม่เพื่อสุขภาพสำหรับผู้บริโภค โดยประกอบด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียว (โอเมก้า9) ในปริมาณที่สูงจากน้ำมันคาโนล่า และกรดไขมันไม่อิ่มตัวโอเมก้า 3, 6 ในปริมาณที่สูง จากน้ำมันทานตะวัน และมีวิตามินอีสูง แต่มีกรดไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานซ์ต่ำ สามารถนำไปประกอบอาหารได้ทุกประเภท
ผศ.ดร.เรวดี จงสุวัฒน์ อาจารย์ประจำภาควิชาโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า ปัจจุบันผู้บริโภคมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับผลดีผลเสียของการบริโภคน้ำมันแต่ละชนิดว่าน้ำมันชนิดใดดีต่อร่างกาย ชนิดใดไม่เหมาะสมต่อผู้ที่เป็นโรคหัวใจ เบาหวาน มะเร็ง เป็นต้น หลายคนจึงเริ่มหลีกเลี่ยงน้ำมันไม่ดีหันมาใช้น้ำมันที่มีสัดส่วนกรดไขมันชนิดดีมากขึ้น ในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อสุขภาพที่ดี เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันเมล็ดชา น้ำมันคาโนล่า เป็นต้น ซึ่งพบว่าจะมีกรดไขมันดีคือชนิดไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียวสูง
กรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียว มีผลต่อการเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี(HDL) และลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี(LDL) ทำให้ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจ
กรดไขมันโอเมก้า3 และ 6 เป็นกรดไขมันจำเป็น ซึ่งหมายถึงกรดไขมันที่ร่างกายสร้างไม่ได้ต้องได้รับจากอาหาร กรดไขมันโอเมก้า3 และ 6 ที่ได้จากน้ำมันทานตะวัน ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดและเป็นสารตั้งต้นในการสร้าง EPA และ DHA ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด มีส่วนช่วยให้สมองและดวงตาทำงานได้ดี
ปัจจุบันนักวิจัยพบว่าร่างกายของคนเราควรบริโภคกรดไขมันชนิด โอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 ในปริมาณที่พอเหมาะและในสัดส่วนที่สมดุลจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ร่างกาย โดยที่สถาบันแพทย์ University of Maryland แนะนำให้บริโภคโอเมก้า 6: โอเมก้า 3 ในสัดส่วน 4 :1 เพื่อความสมดุลของร่างกายและช่วยป้องกันภาวะผิดปกติของร่างกาย
ธรรมชาติไม่สามารถสร้างน้ำมันที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 และ6 ในสัดส่วนที่เหมาะสม จึงเป็นทางเลือกใหม่ในการบริโภคน้ำมันชนิดใหม่ที่เกิดจากการผสมผสานระหว่าง “น้ำมันคาโนล่าผสมน้ำมันทานตะวัน” ซึ่งน้ำมัน 2 ชนิดนี้เป็นที่ยอมรับในกลุ่มผู้รักสุขภาพว่าเป็นน้ำมันที่ดีมีคุณค่าต่อสุขภาพ โดยนำมาผสมในสัดส่วนน้ำมันคาโนล่า 4 ส่วนต่อน้ำมันทานตะวัน 1 ส่วน ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ผ่านการค้นคว้าแล้วว่าสมดุลและเหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย เพื่อให้ได้รับกรดไขมันโอเมก้า 3, 6 ในสัดส่วนที่เหมาะสมกับการบริโภค
สำหรับน้ำมันคาโนล่าผสมน้ำมันทานตะวัน ต้องผ่านการผสมผสานในสัดส่วนที่เหมาะสม คือ 4 : 1 จึงจะได้เป็นน้ำมันผสมที่มีความสมดุลของกรดไขมันโอเมก้า3 และโอเมก้า6 ที่เหมาะสมและดีต่อสุขภาพ พร้อมกันนี้น้ำมันผสมของน้ำมันคาโนล่าและน้ำมันทานตะวัน
ในสัดส่วนนี้ยังมีกรดไขมันอิ่มตัวและกรดไขมันทรานซ์ต่ำ จึงไม่ส่งผลให้ระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ Blended oil ที่เกิดจากการผสมของน้ำมันคาโนล่าและน้ำมันทานตะวันในสัดส่วนนี้ยังมีโอเมก้า 9 และวิตามินอีสูง มีจุดเดือดสูงถึง 230 องศา จึงสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายประเภท ทั้ง ผัด ทอด ย่าง หมัก ทำน้ำสลัด เป็นต้น
แม้น้ำมันผสมระหว่างน้ำมันคาโนล่าและน้ำมันทานตะวันยังไม่เป็นที่รู้จักกันมากนัก แต่ด้วยคุณประโยชน์จากคุณค่าที่โดดเด่นของน้ำมันทั้ง 2 ชนิดเมื่อมารวมกันจึงช่วยเพิ่มสมดุลของกรดไขมันที่จำเป็นและมีประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งโอเมก้า 3 มีส่วนช่วยให้สมองและดวงตาทำงานได้ดี โอเมก้า 6 ช่วยลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดและควบคุมความดันให้อยู่ในระดับปกติ และ
โอเมก้า 9 ที่มีผลช่วยลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดและหัวใจ ดังนั้นจึงนับว่าเป็นน้ำมันทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพอีกหนึ่งชนิด ผศ.ดร.เรวดี จงสุวัฒน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “น้ำมันคาโนล่าผสมน้ำมันทานตะวัน” เป็นน้ำมันพืชชนิดใหม่ที่น่าสนใจอีกชนิดหนึ่งของวงการเมืองไทย การเลือกบริโภคน้ำมันที่ดีจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายต่างๆ ซึ่งน้ำมันชนิดนี้มีโอเมก้า 3,6 ในสัดส่วนที่สมดุลและเหมาะสมจึงจะเกิดประโยชน์สูงสุด ต่อร่างกายและยังจะช่วยส่งเสริมสุขภาพได้… จึงน่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของบริโภคในยุคนี้
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โทร 0-2718-3800 ต่อ 132, 136