กรุงเทพฯ--27 พ.ค.--ซีเมนส์
วันนี้ บริษัท ซีเมนส์ จำกัด ประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้จัดหาโซลูชั่นระบบรางและระบบโลจิสติกส์ระดับสากลชั้นนำรายหนึ่งของโลกได้เน้นย้ำถึงความพร้อมในการสนับสนุนแผนการพัฒนาและการขยายเครือข่ายระบบขนส่งมวลชนของรัฐบาลด้วยการถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีด้านงานระบบขนส่งมวลชนแบบรางรวมถึงการสนับสนุนให้กรุงเทพฯ มีศักยภาพและความพร้อมในการก้าวไปสู่การเป็นมหานครชั้นนำของโลกในศตวรรษที่ 21 ภายในปี พ.ศ. 2593 ตามผลการศึกษาที่ทำร่วมกันระหว่างบริษัทที่ปรึกษาด้านระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานและระบบขนส่งมวลชน ไอทีเอส จำกัด (ITS Infrastructure and Transportation Systems Consultancy Ltd.) ในประเทศฮ่องกง และบริษัท อัลแบร์ท สเปียร์แอนด์พาร์ทเนอร์ (Albert Speer & Partners — AS&P) ซึ่งให้บริการด้านการออกแบบด้านโครงสร้างสถาปัตยกรรมและวางแผน จากนครแฟรงเฟริต์ประเทศเยอรมนี โดยซีเมนส์สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการศึกษาวิจัย
ทั้งนี้ ซีเมนส์ได้แสดงออกอย่างชัดเจนถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการสนับสนุนแผนงานของรัฐบาลดังกล่าวขณะที่มีการประชุมคณะกรรมการร่วมด้านเศรษฐกิจไทย-เยอรมัน (JEC) ครั้งที่ 2 ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ระหว่าง ฯพณฯ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะหัวหน้าส่วนราชการกระทรวงด้านเศรษฐกิจและภาคเอกชนกับนายคาร์ล เทโอดอร์ ซู กูเทนแบก (Karl-Theodor zu Guttenberg) รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและเทคโนโลยีแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีเกี่ยวกับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการลงทุนระหว่างสองประเทศเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
“เราสนับสนุนด้วยความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการพัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืนตลอดจนแผนงานของรัฐบาล ด้วยการถ่ายทอดเทคโนโลยีระดับโลกให้แก่ประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมระบบขนส่งแบบราง” มร. แอนโทนี่ เชย์ ประธานและหัวหน้าฝ่ายบริหาร บริษัท ซีเมนส์ จำกัด ประเทศไทยกล่าว
ความมุ่งมั่นตลอดจนความพร้อมของซีเมนส์ในการถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีให้กับประเทศไทยนั้นได้กระทำผ่านโครงการต่างๆ ดังนี้
1. การดำเนินโครงการกรุงเทพฯ แห่งศตวรรษที่ 21 (Bangkok 21 Project) โดยความร่วมมือกับสำนักงานความร่วมมือทางวิชาการของเยอรมัน (GTZ) สนับสนุนการศึกษาเพื่อการวางแนวทางหรือเตรียมความพร้อมกรุงเทพมหานครในการก้าวไปสู่การเป็นมหานครระดับโลกที่มีความสะดวกสบายในการเดินทางเช่นเดียวกับมหานครนิวยอร์คและกรุงปารีส
2. การสร้างความร่วมมือด้านเทคโนโลยีวิศวกรรมไทย-เยอรมัน (German-Thai Engineering Technology Alliance (G-TETA)
3. ความเป็นไปได้ของการตั้งโรงงานผลิตรถไฟฟ้าในประเทศ
ด้วยค่านิยมความรับผิดชอบต่อสังคมซึ่งเป็นค่านิยมหลักอย่างหนึ่งขององค์กร ซีเมนส์จึงให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการตระหนักและคำนึงถึงความรับผิดชอบที่มีต่อสังคมและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกกิจกรรมที่บริษัทฯ ดำเนินการ ดังนั้น บริษัทฯ จึงได้แสดงออกอย่างชัดเจนถึงความรับผิดชอบและความมุ่งมั่นในการสนับสนุนด้านการศึกษาซึ่งถือเป็นความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาประเทศไทยในระยะยาวด้วยการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่ให้ผลอย่างยั่งยืนผ่านโครงการความร่วมมือด้านเทคโนโลยีวิศวกรรมไทย-เยอรมัน (G-TETA) ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่างพันธมิตร คือ มหาวิทยาลัยอาเค่น (RWTH Aachen University) ประเทศเยอรมนี กับสถาบันไทย-เยอรมันและซีเมนส์ ด้วยความพร้อมในการเปิดหลักสูตรวิศวกรรมขนส่งมวลชนในระดับปริญญาโทขึ้นที่บัณฑิตวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์นานาชาติสิรินธร ไทย-เยอรมัน (The Sirindhorn International Thai-German Graduate School of Engineering - TGGS) ซึ่ง TGGS ถือเป็นหน่วยงานระดับคณะภายใต้ความร่วมมือทางวิชาการระหว่างรัฐบาลไทยโดยสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ(KMITNB) และรัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีโดยมหาวิทยาลัยอาเค่น (RWTH Aachen University) ในการจัดการศึกษาหลักสูตรนานาชาติทางวิศวกรรมศาสตร์ให้แก่นักศึกษาในประเทศไทยเป็นเวลากว่า 7 ปีแล้ว
“เราต้องการตอบสนองความตั้งใจของรัฐบาลไทยที่ไม่ต้องการเพียงแค่การซื้อเทคโนโลยีจากต่างชาติเท่านั้นหากยังต้องการให้เกิดการพัฒนาศักยภาพและถ่ายทอดความรู้ให้แก่คนในประเทศด้วย ดังนั้น ซีเมนส์จึงตั้งใจสนับสนุนวิศวกรไทยอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เขาเหล่านั้นสามารถพัฒนาอุตสาหกรรมด้านการขนส่งมวลชนและประเทศต่อไป” มร. เชย์กล่าว
เนื่องจากเป็นองค์กรสัญชาติเยอรมันบริษัท ซีเมนส์ จำกัด ประเทศไทย ซึ่งเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้ของอุตสาหกรรมด้านระบบรางในประเทศไทยมานานกว่า 15 ปี จึงมีความสนใจอย่างมากในการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องในการจัดหาระบบขนส่งมวลชนแบบรางที่สะดวกซึ่งสามารถเชื่อมโยงระบบขนส่งมวลชนรูปแบบต่างๆ เข้าด้วยกันได้อย่างมีประสิทธิภาพที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับประเทศไทยเพราะเป็นสิ่งสำคัญต่อการพัฒนาระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
มร. เชย์ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมถึงความพร้อมในการเข้าร่วมประมูลโครงการรถไฟฟ้าต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในกรุงเทพฯ ในอนาคตโดยรอคอยที่จะได้รับโอกาสในการจัดหาโซลูชั่นที่ทันสมัยในการพัฒนาระบบเครือข่ายรถไฟฟ้าให้แก่ผู้ใช้บริการในกรุงเทพมหานครต่อไป ทั้งนี้จากประสบการณ์ที่ได้รับจากทั่วโลกผนวกกับประสบการณ์ที่สำคัญที่ได้รับในประเทศจากความสำเร็จในโครงการรถไฟฟ้าบีทีเอส โครงการรถไฟฟ้าใต้ดิน และโครงการรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่กำลังจะเปิดให้บริการซึ่งล้วนเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงศักยภาพและขีดความสามารถในการดำเนินโครงการและผลการทำงานของระบบตามระดับมาตรฐานสูงสุดของซีเมนส์ได้ประจักษ์เด่นชัดถึงความสามารถในการดำเนินโครงการได้อย่างโดดเด่นในเรื่องของสถิติความปลอดภัยและเชื่อถือได้ของระบบ นอกจากนี้ ซีเมนส์ยังได้สร้างความชำนาญให้กับคนไทยโดยมีพนักงานที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี และมีพันธมิตรที่ผ่านการพิสูจน์มาแล้วว่ายอดเยี่ยม ทำให้สามารถเป็นผู้จัดหาและดำเนินโครงการรถไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นในอนาคตให้เสร็จสมบูรณ์ได้เร็วที่สุดโดยมีรูปแบบในที่คุ้มค่าการลงทุนมากที่สุด
“เรามั่นใจว่าเราสามารถที่จะนำเสนอในราคาที่แข่งขันได้ดีที่สุดซึ่งจุดแข็งและสิ่งที่ทำให้เราแตกต่างจากผู้เล่นรายอื่นอย่างหนึ่งก็คือ เรามีส่วนงานบริหารโครงการในประเทศที่ใหญ่ที่สุดโดยมีพนักงานกว่า 600 คนซึ่งมีศักยภาพในเรื่องของวิศวกรรมและการให้บริการซึ่งเราวางรากฐานและดำเนินการอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538” หัวหน้าฝ่ายบริหารของซีเมนส์กล่าวอย่างหนักแน่น