กรุงเทพฯ--28 พ.ค.--พีอาร์ แอนด์ แอสโซซิเอส
เนสท์เล่ ริเริ่ม 3 โครงการใหม่ มุ่งพัฒนาโภชนาการ สุขภาพ และความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชนโลก ชูแนวทางการสร้างสรรค์คุณค่าเพิ่มร่วมกันให้กับสังคม (CSV) รับมือต่อปัญหาเศรษฐกิจและสังคมโลก
เนสท์เล่ สวนกระแสวิกฤติเศรษฐกิจ ประกาศรุก 3 โครงการใหม่ เพื่อสร้างเครือข่ายพันธมิตรทั้งกับภาครัฐ องค์กรพัฒนาชุมชน และผู้ประกอบการขนาดเล็ก โดยการประกาศอย่างเป็นทางการทั่วโลกในครั้งนี้ จัดขึ้นในระหว่างการประชุมเวทีโลก เพื่อระดมความคิดในเรื่องการสร้างสรรค์คุณค่าเพิ่มร่วมกันให้กับสังคมเป็นเวลา 2 วัน ที่กรุงนิวยอร์ก จากความร่วมมือขององค์กรสหประชาชาติ และผู้แทนคณะทูตแห่งประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ประจำสำนักงานสหประชาชาติ ทั้ง 3 โครงการใหม่จะครอบคลุมการขยายโครงการพัฒนาทางการศึกษา ที่เน้นการเสริมสร้างความรู้ด้านโภชนาการ สุขภาพ และสร้างชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีในกลุ่มเด็กวัยเรียนทั่วโลก, การตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาในแอฟริกา และการก่อตั้ง “Nestl? Prize in Creating Shared Value” หรือ “รางวัลเนสท์เล่ เพื่อการสร้างสรรค์คุณค่าเพิ่มร่วมกันให้กับสังคม” โดยจะให้รางวัลในทุกๆ 2 ปี เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนชาวโลกได้คิดค้นหาวิธีใหม่ๆในการแก้ปัญหาวิกฤตที่มีต่อโภชนาการ น้ำ และการพัฒนาชุมชน
มร. ปีเตอร์ บราเบ็ค เล็ทแมธ ประธานบริษัทเนสท์เล่ เอสเอ เปิดเผยว่า “วิกฤตทางการเงินซึ่งเป็นผลทำให้เกิดเศรษฐกิจถดถอยอย่างมากในขณะนี้ เป็นความจริงทางธุรกิจที่ไม่ต้องการ และเป็นบทพิสูจน์อีกครั้งหนึ่งว่า หากธุรกิจไม่ให้ความสำคัญต่อสังคม และใช้ทางลัดที่ทำให้สังคมตกอยู่ในภาวะเสี่ยง ผู้ถือหุ้นย่อมจะได้รับผลกระทบไปด้วย เนสท์เล่เชื่อว่าการที่จะสามารถประสบความสำเร็จทางธุรกิจในระยะยาวได้นั้น บริษัทจะต้องสร้างคุณค่าต่อผู้ถือหุ้นและต่อสังคมไปพร้อมๆ กัน ที่เนสท์เล่เราเรียกว่า การสร้างสรรค์คุณค่าเพิ่มร่วมกันให้กับสังคมหรือ Creating Shared Value ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญในการดำเนินธุรกิจของเนสท์เล่นั่นเอง”
โครงการริเริ่มใหม่นี้ สอดคล้องกับปณิธานในการดำเนินธุรกิจของเนสท์เล่ที่มุ่งมั่นทางด้าน โภชนาการ สุขภาพ และความเป็นอยู่ที่ดี ทั้งนี้ การสร้างคุณค่าต่อภาคสาธารณะ เพื่อพัฒนาให้เกิดโภชนาการที่ดี การปกป้องเรื่องน้ำ และการผลิตอาหารที่มีคุณค่ามากขึ้น คือหัวใจสำคัญต่อการสร้างธุรกิจของเนสท์เล่ให้ดำเนินไปอย่างยั่งยืนในระยะยาว ทำให้เกิดสายสัมพันธุ์ที่มั่นคงระหว่างการสร้างคุณค่าต่อผู้ถือหุ้นและต่อสังคม
“เนสท์เล่ตระหนักดีว่า ความสำเร็จของเราขึ้นอยู่กับการสร้างคุณค่าให้กับชุมชนของโลก ตั้งแต่ กลุ่มเกษตรกร ผู้ป้อนวัตถุดิบให้กับบริษัท ไปจนถึงพนักงานของเรา ลูกค้าผู้บริโภค และชุมชนสังคมที่บริษัทเข้าไปมีส่วนร่วม ทั้งนี้แนวการปฏิบัติของ Creating Shared Value หรือการสร้างสรรค์คุณค่าเพิ่มร่วมกันให้กับสังคม ไม่ใช่เป็นการแสดงออกแค่การบริจาค หรือการจัดทำเป็นกิจกรรมเสริมเท่านั้น แต่เราได้รวมการพัฒนาด้านคุณภาพชีวิตของพนักงาน ครอบครัว และชุมชนชาวโลก เข้าไว้ในกลยุทธ์หลักของเนสท์เล่ ซึ่งได้ฝังรากตั้งแต่การเริ่มก่อตั้งบริษัทในปี 1866 เป็นต้นมา” มร. ปีเตอร์ บราเบ็ค เล็ทแมธ ประธานบริษัทเนสท์เล่ เอสเอ กล่าว
เพราะการแก้ไขปัญหาระยะยาวของเศรษฐกิจและสังคมที่ชาวโลกกำลังเผชิญอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอัตราการเพิ่มของจำนวนประชากร ความเพียงพอของแหล่งทรัพยากร โดยเฉพาะเรื่องของแหล่งน้ำและอาหารสำหรับชาวโลก เป็นเรื่องที่ไม่สามารถจะแก้ไขได้โดยภาครัฐเพียงฝ่ายเดียว องค์กรต่างๆ จำเป็นต้องให้ร่วมมือ และรับผิดชอบในการแก้ปัญหาร่วมกัน เนสท์เล่ จึงได้ริเริ่มโครงการใหม่และเปิดตัวหลายโครงการที่ย้ำถึงปณิธานในการสร้างสรรค์คุณค่าเพิ่มร่วมกันให้กับสังคม โครงการแรกคือ Nestl? Healthy Kids Global Programme หรือโครงการเด็กสุขภาพดี ที่จะถูกยกระดับให้ยึดปฏิบัติทั่วโลก โดยเนสท์เล่จะเพิ่มประเทศที่เข้าร่วมโครงการเป็น 2 เท่าของที่มีอยู่ให้ครอบคลุมมากกว่า 100 ประเทศภายในปี 2011 นี้ โครงการนี้จะเน้นการให้ความรู้ด้านโภชนาการ และการสร้างพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่มีโภชนาการที่ถูกต้อง โครงการระดับโลกนี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่ทั่วโลกประสบอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทุพโภชนาการ อัตราการขาดสารอาหาร และภาวะโรคอ้วนที่เพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มเด็กวัยเรียน ปัจจุบันนี้โครงการของเนสท์เล่ได้ให้สร้างแรงกระตุ้นและสร้างเครือข่ายความรู้ด้านโภชนาการที่ถูกต้อง ให้กับเด็กๆ ไม่น้อยกว่า 10 ล้านคนทั่วโลก
โครงการที่สอง คือ การเปิดศูนย์วิจัยและพัฒนา อาไบจัน (Abidjan) ที่โคทเดอวัวร์ (C?te d'Ivoire) ที่แสดงถึงความมุ่งมั่นของเนสท์เล่ในการพัฒนาชุมชนชนบทในแถบแอฟริกา ก่อให้เกิดโครงการวิจัยใหม่ๆ ผ่านศูนย์วิจัยและพัฒนานี้ ตลอดจนช่วยเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรและความปลอดภัยของแหล่งอาหาร ที่ต้องการพัฒนาและการปรับปรุงพันธุ์พืชท้องถิ่น เช่น มันสำปะหลัง ข้าวโพด ข้าวฟ่าง กาแฟ และโกโก้ รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่ทำจากธัญพืชในเขตแอฟริกาตะวันตก ศูนย์วิจัยและพัฒนานี้จะเป็นการสานต่อประสบการณ์ ความรู้ความชำนาญของเนสท์เล่ ในด้านการขยายพันธุ์พืชด้วยวิธีการเพาะพันธุ์อีกด้วย
ความมุ่งมั่นประการสุดท้าย คือ การก่อตั้ง “Nestl? Prize in Creating Shared Value” หรือ “รางวัลเนสท์เล่ เพื่อการสร้างสรรค์คุณค่าเพิ่มร่วมกันให้กับสังคม ที่เนสท์เล่ จะให้เงินสนับสนุนกว่า 500,000 สวิสฟังก์ (ประมาณ 461,000 ดอลลาร์สหรัฐ) ให้กับบุคคล หน่วยงาน NGOs หรือธุรกิจขนาดเล็ก ที่สามารถนำเสนอโครงการที่สามารถระบุแนวทางแก้ไขได้อย่างมีนวัตกรรม เพื่อแก้ปัญหาในชุมชนต่อวิกฤตการขาดสารอาหารในมนุษย์ การปกป้องรักษาและการพัฒนาแหล่งน้ำสะอาด หรือ โครงการพัฒนาในชนบท โดยทางเนสท์เล่จะมอบรางวัลนี้ ทุกๆ 2 ปี
มร. พอล บัลเก ประธานคณะผู้บริหารของเนสท์เล่ เอสเอ กล่าวเสริมว่า “การลดการใช้น้ำ การพัฒนาด้านโภชนาการที่ดีขึ้น และการช่วยเหลือให้ชุมชนเติบโตไปในทางที่ชุมชนต้องการ เป็นปัจจัยสำคัญต่อกลยุทธ์ทางธุรกิจของบริษัท เพราะพวกเขาเหล่านั้นเป็นคนที่จะสร้างสรรค์ให้โลกของเราดีขึ้นต่อไป ความมุ่งมั่นของเราจะทำให้ผู้คนที่เราเกี่ยวข้องได้รับประโยชน์และเป็นสังคมที่เข้มแข็ง จะเป็นก้าวสำคัญที่จะสะท้อนให้เห็นความมุ่งมั่นของเนสท์เล่ ให้เป็นที่ยอมรับว่า เนสท์เล่ คือบริษัทผู้นำทางด้านโภชนาการ สุขภาพ และความเป็นอยู่ที่ดี”
กว่าหลายทศวรรษที่ผ่านมา เนสท์เล่ได้ทำงานร่วมกับเกษตรกรฟาร์มนม และชาวไร่กาแฟหลายล้านคน เพื่อทำให้เกษตรกรสามารถสร้างสรรค์วัตถุดิบที่มีคุณภาพมากขึ้น และในขณะเดียวกันช่วยให้ชุมชนนั้นๆ หลุดพ้นจากสภาพความยากจนไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้นต่อไป ในปัจจุบันเนสท์เล่ได้ทำงานโดยตรงกับเกษตรกรมากกว่า 600,000 คนทั่วโลก โดยจัดหาเงินทุนสนับสนุนเป็นมูลค่ากว่า 30 ล้านสวิสฟังก์ (มากกว่า 27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปี 2008 นอกจากนี้ ยังมีประชากรมากกว่า 2.4 ล้านคนในประเทศกำลังพัฒนาที่สามารถมีชีวิตที่ดีขึ้นจากการร่วมธุรกิจกับเนสท์เล่อีกด้วย ตัวอย่างที่กล่าวมานี้ แสดงให้เห็นถึงคุณภาพชีวิตที่ดีของชุมชนจะส่งมอบพนักงานที่ดีและวัตถุดิบที่มีคุณภาพแก่เนสท์เล่ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จของธุรกิจ และการเพิ่มคุณค่าให้กับผู้ถือหุ้นไปพร้อมกัน
“เนสท์เล่ ได้ก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทผู้นำของโลกในด้านโภชนาการ สุขภาพ และความเป็นอยู่ที่ดีของผู้บริโภค โดยมีจำนวนโรงงานผลิต และพนักงานมากกว่าครึ่งหนึ่งของทั้งหมด อยู่ในประเทศกำลังพัฒนา ดังนั้นความสำเร็จทางธุรกิจที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งย่อมมาจากชุมชนเหล่านั้น ทำให้เราไม่หยุดยั้งที่จะสานต่อความตั้งใจเดิมและจะพัฒนาชุมชนให้มากขึ้นกว่าที่เคยทำมาอีกด้วย” มร. บัลเก กล่าวเสริม
ในวันที่ 27 และ 28 เมษายน 2552 ที่ผ่านมา เนสท์เล่ ได้ร่วมกับผู้แทนคณะทูตแห่งประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ประจำสำนักงานสหประชาชาติ และองค์การสหประชาชาติ จัดการประชุมอภิปรายระดับโลกที่กรุงนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา เพื่อถกถึงปัญหา บทบาทและแนวทางที่จะส่งเสริมให้บริษัทผู้ผลิตอาหารทั่วโลกต่างๆ เข้ามาช่วยแก้ปัญหาวิกฤตของโลกในด้านโภชนาการ ทรัพยากรน้ำ และการพัฒนาชุมชนได้อย่างไร ร่วมกับ 13 ผู้นำทางความคิด นักพัฒนา และผู้เชี่ยวชาญระดับโลกในเชิงกลยุทธ์ด้านธุรกิจ ด้านโภชนาการ น้ำ และการพัฒนาชุมชน เช่น มร.ไมเคิล พอร์ทเตอร์ (Michael Porter) แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด; มร.ซี.เค.ปราฮาลัด แห่งมหาวิทยาลัยมิชิแกน (C.K.Prahalad, ผู้เขียน The Fortune at the Bottom of the Pyramid) เป็นต้น และเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย ที่ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ไกรสิทธิ์ ตันติศิรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และโภชนาการชั้นแนวหน้าของประเทศไทย เป็นหนึ่งในผู้ที่เข้าร่วมอภิปรายในหัวข้อเกี่ยวกับโภชนาการของโลกด้วย
มร. ปีเตอร์ บราเบ็ค เล็ทแมธ กล่าวสรุปว่า “เนสท์เล่ ภูมิใจที่สามารถเชิญกลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิและผู้นำทางความคิดระดับโลกเหล่านี้ มาเป็นกรรมการที่ปรึกษาการสร้างสรรค์คุณค่าเพิ่มร่วมกันให้กับสังคม (Creating Shared Value Advisory Board) คณะกรรมการที่ปรึกษานี้จะวิเคราะห์ และเสนอข้อแนะนำ ตลอดจนวิธีปฏิบัติที่เป็นไปได้จริง เพื่อสามารถสร้างสรรค์คุณค่าเพิ่มร่วมกันให้กับสังคม ส่งผลให้มีการพัฒนาเชิงบวกแก่สังคมมากขึ้นซึ่งถือเป็นความสำเร็จของการดำเนินธุรกิจด้วย และถือเป็นหลักปฏิบัติของบริษัทต่างๆ ในการดำเนินธุรกิจในศตวรรษที่ 21”
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
บงกช แพบรรยง
บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด
โทรศัพท์ 02 2657 8827
E-mail: bongkod.paebunyong@th.nestle.com
กุนธิรา ณัฐวัฒนานนทน์
พีอาร์ แอนด์ แอสโซซิเอส
โทรศัพท์ 02 651-8989 ต่อ 332
E-mail: khuntira@prassociates.net