แถลงข่าวความคืบหน้าการสอบสวนการทุจริตธนาคารอาคารสงเคราะห์

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday May 28, 2009 16:22 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--28 พ.ค.--ธอส. นายนริศ ชัยสูตร ประธานกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้แถลงถึงความคืบหน้าของการสอยสวนข้อเท็จจริง กรณีพนักงานของธนาคารอาคารสงเคราะห์ทุจริตเงิน มูลค่ากว่า 499 ล้านบาท ตามที่ทางคณะกรรมการธนาคารได้มอบหมายให้นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย ประธานกรรมกรรมการตรวจสอบของธนาคารฯ เป็นประธานสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีทุจริตในธนาคารอาคารสงเคราะห์เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2552 นั้น บัดนี้คณะกรรมการดังกล่าวได้ข้อสรุปในเบื้องต้นและได้รายงานต่อคณะกรรมการธนาคารในการประชุมในวันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม 2552 จากการสอบสวนข้อเท็จจริงทำให้ได้ภาพรวมของขั้นตอนการทำทุจริตได้ชัดเจนขึ้น นอกจากนี้ในชั้นต้นทางคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงได้พบว่านอกเหนือจากนายสมเกียรติ ปัญญาวรคุณเดช (ซึ่งขณะนี้ถูกควบคุมตัวอยู่) แล้วยังมีผู้เกี่ยวข้องอีกจำนวนหนึ่งที่อาจต้องรับผิดชอบกับกรณีดังกล่าวด้วยและจะต้องดำเนินการสอบสวนวินัยต่อไป อย่างไรก็ตามนอกจากที่คณะกรรมการธนาคารจะได้ทราบถึงวิธีการที่นายสมเกียรติทุจริตแล้ว คณะกรรมการธนาคารได้พิจารณาถึงสาเหตุที่เอื้ออำนวยให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นได้ ในเบื้องต้นสามารถกล่าวได้ว่าขณะนี้ได้ทราบสาเหตุที่ทำแล้ว ซึ่งคณะกรรมการธนาคารจำเป็นต้องมีการสอบสวนผู้เกี่ยวข้องเพื่อรับทราบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม นายนริศ ชัยสูตร ประธานกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ กล่าวเพิ่มเติมว่าได้รายงานข้อสรุดังกล่าวต่อนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเพื่อรับทราบแล้ว และได้ขอขยายเวลาการสรุปผลการสอบข้อเท็จจริงอีก 1 สัปดาห์ ซึ่งจะกำหนดแล้วเสร็จภายในวันที่ 4 มิถุนายน 2552 นี้ นอกจากนี้ นายนริศยังเน้นว่าได้มอบหมายให้คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงดำเนินการโดยอาศัยข้อเท็จจริงเป็นสำคัญ ทั้งนี้หากเกี่ยวข้องกับผู้บริหารระดับใดก็ขอให้ดำเนินการไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏเพื่อให้ความเป็นธรรมอย่างที่สุด และเมื่อผลสอบออกมาว่ามีผู้ใดเกี่ยวข้องหรือต้องรับผิดชอบบ้าง ทางคณะกรรมการธนาคารจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ซึ่งอาจจะเป็นการตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยรวมทั้งการพิจารณาความผิดทางละเมิดกับผู้เกี่ยวข้อง เนื่องจากได้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของธนาคาร ท้ายที่สุด นายนริศกล่าวว่า คณะกรรมการธนาคารให้ความสำคัญในเรื่องความมั่นคงของเงินฝากของประชาชนเป็นลำดับแรก ดังนั้นจึงได้มีมาตรการป้องกันการทุจริตเพิ่มเติม นอกจากที่จะให้เจ้าหน้าที่สาขาเร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับลูกค้าแล้ว อาทิ การปิดระบบที่เปิดให้สามารถเข้าไปทำรายการได้ การกำหนดอำนาจในการทำธุรกรรมของพนักงานแต่ละระดับ รวมทั้งปรับปรุงระบบควบคุมภายในให้มีการสอบทานระหว่างกันมากขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ลูกค้าผู้ฝากเงิน และได้ติตามสถานะเงินฝากและสภาพคล่องของธนาคารอย่างใกล้ชิด ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาสภาพคล่องของธนาคารก็อยู่ในเกณฑ์ปกติ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ