กรุงเทพฯ--28 พ.ค.--กทม.
กทม. นำสื่อมวลชนสัญจร ติดตามการเตรียมพร้อมหน่วยปฏิบัติการเร่งด่วนแก้ไขปัญหาน้ำท่วม และความแข็งขันของเจ้าหน้าที่กว่า 2,000 คน ก่อนปล่อยขบวนรถลงประจำพื้นที่สำรวจเหตุเดือดร้อนของประชาชนจากน้ำท่วมขัง และผลกระทบอื่นจากเหตุฝนตกอย่างต่อเนื่อง ด้านผู้ว่าฯ กทม. มั่นใจทุกปัญหาได้รับการแก้ไข ขอให้แจ้งโทรสายด่วน กทม. 1555 ทุกเวลา
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีปล่อยขบวนหน่วยปฏิบัติการเร่งด่วนแก้ไขปัญหาน้ำท่วมของกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย ผู้ปฏิบัติงานกว่า 2,000 คน และรถปฏิบัติการเร่งด่วน 300 คัน ณ พระลานพระราชวังดุสิต (ลานพระบรมรูปทรงม้า) เพื่อออกปฏิบัติการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากฝนตกหนัก น้ำท่วมขัง ต้นไม้ล้ม ซ่อมแซมผิวทางจราจร ซ่อมแซมสัญญาณไฟจราจร รวมถึงการให้ความช่วยเหลือประชาชนจากสาธารณภัยต่างๆ เช่น อัคคีภัย วาตภัย ป้ายโฆษณาล้ม และภัยจากวัตถุอันตราย ทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านสายด่วน 1555
ระดมทุกหน่วยงานพร้อมป้องกันและรับมือเหตุน้ำท่วมขัง
หน่วยปฏิบัติการเร่งด่วนแก้ไขปัญหาน้ำท่วมของกรุงเทพมหานคร จัดตั้งขึ้นโดยมีหน่วยปฏิบัติการเร่งด่วน หรือหน่วยเบสท์ (BEST : Bangkok Emergency Service Team) จาก 50 สำนักงานเขต สำนักการระบายน้ำ สำนักเทศกิจ สำนักการโยธา สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักการจราจรและขนส่ง สำนักสิ่งแวดล้อม สำนักการคลัง สำนักอนามัย และสำนักการแพทย์ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในการเตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่และเครื่องมือให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้ เกิดเหตุฝนตกหนักต่อเนื่องและมีลมกระโชกแรงในบางครั้ง เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนจากน้ำท่วมขัง และอำนวยความสะดวกในทุกด้านแก่ประชาชน อาทิ สำนักเทศกิจ ดูแลอำนวยการจราจรและจัดสายตรวจเคลื่อนที่ตรวจตราความปลอดภัย สำนักอนามัยและสำนักการแพทย์ให้เฝ้าระวังโรคที่มากับน้ำ จัดเตรียมอุปกรณ์ เวชภัณฑ์ และยารักษาโรค สำนักการโยธา สำรวจและซ่อมแซมผิวจราจร ถนนหลุมบ่อ ให้อยู่ในสภาพดี สำนักการระบายน้ำ จัดเตรียมเครื่องสูบน้ำและเจ้าหน้าที่ประจำสถานีสูบน้ำ ตลอดจนสำรวจคันกั้นน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งหากเจ้าหน้าที่พบว่ามีจุดใดชำรุดจะเร่งดำเนินการซ่อมแซมทันที
ธนบุรีน้ำท่วมซ้ำซาก เร่งประสานกรมชลฯ บริหารน้ำลงอ่าวไทย
ผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า ในปีนี้พื้นที่กทม. มีปริมาณฝนตกหนักต่อเนื่องเฉลี่ยตั้งแต่ ม.ค.-พ.ค.52 สูงถึง 500 มิลลิเมตร ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ย 30 ปีถึง 2 เท่า ส่งผลให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่แม้จะดำเนินการลอกท่อและคูคลองเพื่อพร้อมรับสถานการณ์แล้วก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ฝั่งธนบุรี ซึ่งเกิดปัญหาน้ำท่วมขังซ้ำซาก เนื่องจากมีแก้มลิงคลองมหาชัย — สนามชัย รองรับน้ำเพียงแห่งเดียว อีกทั้งคลองหลักที่ระบายน้ำลงสู่อ่าวไทย จ.สมุทรปราการมีระดับน้ำสูง ซึ่ง กทม.จะประสานงานกับกรมชลประทาน ในการบริหารจัดการน้ำและเปิดปิดประตูระบายน้ำให้เป็นระบบ เพื่อให้การระบายน้ำในพื้นที่กรุงเทพฯ มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้จากการรายงานของกรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งว่าในเดือน มิ.ย. ปริมาณฝนจะเข้าสู่ภาวะปกติ และจะมีฝนตกอีกครั้งในช่วงเดือน ก.ค. อย่างไรก็ตามกทม. ได้จัดหน่วย BEST ลงพื้นที่ปฏิบัติการเร่งด่วนแก้ไขปัญหาน้ำท่วมทุกด้าน เพื่อเฝ้าระวังและป้องกันปัญหา อีกทั้งผลกระทบอื่นๆ ที่ตามมาจากน้ำท่วมดังกล่าวด้วย
มิ.ย. นี้ เดินเครื่องอุโมงค์แสนแสบ ระบายน้ำ ถ.รามคำแหง - ลาดพร้าว
นอกจากนี้ประมาณกลางเดือน มิ.ย. 52 อุโมงค์ระบายน้ำแสนแสบ — ลาดพร้าว จะเริ่มเดินเครื่อง โดยมีบึงพระราม 9 เป็นจุดรับน้ำหลัก ซึ่งจะสามารถรับน้ำในคลองแสนแสบ ลาดพร้าว พระโขนง ระบายน้ำปลายทางที่สถานีสูบน้ำพระโขนง โดยเป็นอุโมงค์ใต้ดินลึก 20 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 5 เมตร ระยะทางยาว 6 กิโลเมตร ซึ่งหากเดินเครื่องแล้ว ปัญหาน้ำท่วมบน ถ.รามคำแหง ตั้งแต่คลองตัน — บางกะปิ และ ถ.ลาดพร้าว จะหมดไป ส่วนในระยะยาวนั้น ขณะนี้กทม. กำลังยกร่างผังเมืองใหม่ โดยจะคำนึงถึงการจัดสรรพื้นที่แก้มลิงและทางระบายน้ำ เพื่อให้การแก้ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพฯ เป็นไปอย่างยั่งยืน