กรุงเทพฯ--29 พ.ค.--วีม คอมมูนิเคชั่น
ข่าวร้อนประเด็นฮอตของเดือนนี้ เห็นจะเป็นเรื่องของค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะชัดเจนนัก ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ส่งผลให้ค่าเงินบาทของไทยแข็งค่าขึ้น และมีผลต่อราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ราคาน้ำมันที่ขยับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ขึ้นราคาทองคำในเดือนที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยปัจจัยที่เป็นที่จับตามองของนักลงทุนมากที่สุด เห็นจะเป็นกระแสคาดการณ์ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) จะคงโควต้าการผลิตน้ำมันเป็นครั้งที่สองในปีนี้ โดยผลออกมาเป็นไปตามที่คาดหมาย เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งสูงขึ้นอาจทำให้โอเปคยังไม่เห็นความจำเป็นที่จะลดปริมาณการผลิตในระยะนี้ ส่วนสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน (EIA) ของสหรัฐเปิดเผยข้อมูล สต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 พ.ค.ลดลง 5.4 ล้านบาร์เรล สู่ 363.1 ล้านบาร์เรล โดยลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ที่ได้รับการสำรวจโดยรอยเตอร์คาดไว้ว่าจะลดลง 700,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 600,000 บาร์เรล สู่ 203.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งต่ำกว่าที่คาดไว้ว่าจะลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล, สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 300,000 บาร์เรล สู่ 120.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งต่ำกว่าที่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้ กำลังการกลั่นพุ่งขึ้น 3.3% สู่ 85.1% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.4%
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐที่ทะยานขึ้นเหนือความคาดหมายในเดือนพ.ค.พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 6 ปี พุ่งขึ้นแตะระดับ 54.9 จุด ซึ่งเป็นสถิติที่พุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีพ.ศ.2546 จากเดือนเม.ย.ที่ 40.8 จุด และมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับการสำรวจโดยรอยเตอร์คาดไว้ที่ระดับ 42.0 นอกจากนี้ผู้บริโภคยังมีความเชื่อมั่นในการลงทุนมากขึ้น จากตัวเลขกลุ่มบริษัทสร้างบ้านในสหรัฐ เมื่อพิจารณาจากดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยของ NAHB/เวลส์ ฟาร์โก ที่พุ่งขึ้นสู่ระดับ 16 จุด ในเดือนพ.ค. จากระดับ 14 จุด ในเดือนเม.ย. ด้วย ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์กันเอาไว้ และทำให้มองได้ว่าภาวะตกต่ำของตลาดอสังหาริมทรัพย์อาจสิ้นสุดลงเร็วๆ นี้
ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสำหรับอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นมากกว่า 0.5% ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยได้แรงหนุนจากความวิตกเกี่ยวกับปริมาณการก่อหนี้ที่เพิ่มขึ้นเพื่อลดยอดขาดดุลงบประมาณ 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ของสหรัฐ ทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับการกู้ยืม ซึ่งจะมีผลต่อความหน้าลงทุน และอาจฉุดการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐ
สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีได้ทวีความตึงเครียดขึ้นอีกครั้งภายหลังจากที่ทหารสหรัฐ และเกาหลีใต้ได้เริ่มการซ้อมรบประจำปีร่วมกันเมื่อวันจันทร์ (9 มี.ค.) ส่งผลให้เกาหลีเหนือประกาศซ้ำอีกครั้งว่าการซ้อมรบครั้งนี้ถือเป็นการยั่วยุทางทหาร ทั้งยังเรียกระดมพลไว้พร้อมรับการสู้รบอย่างเต็มที่ และปิดช่องทางการสื่อสารเพียงช่องทางเดียวกับเกาหลีใต้เพื่อประท้วง นอกจากนี้ เกาหลีเหนือยังสร้างความวุ่นวายขึ้นด้วยการประกาศตัดช่องทางการสื่อสารเพียงช่องทางเดียวที่ยังเหลืออยู่กับเกาหลีใต้เพื่อประท้วงการซ้อมรบร่วมกับสหรัฐ จนส่งผลให้มีชาวเกาหลีใต้ถึงกว่า 700 คนไม่สามารถเดินทางไปยังนิคมอุตสาหกรรมแคซองในเกาหลีเหนือได้
- ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะสั้น — Directional Index 30 นาที ทำให้ดูทองคำในระยะสั้นบวกอยู่เล็กน้อย, กราฟ MACD และ MACDF 30 นาทีบ่งบอกถึงทิศทางขาลง โดย MACD ได้ตัดเส้น Trigger จากด้านบน, Fast Stochastic ยังคงดูลงอยู่เล็กน้อย, ทว่า RSI 30 นาทีอยู่ที่ระดับ 48.503 ถือได้ว่าอยู่ในระดับกลางและไม่มีสัญญาณ oversold หรือ overbought จึงมองได้ว่าทิศทางราคาทองคำน่าจะยังไม่รุนแรงในวันนี้ แนวรับแนวต้านของวันอยู่ที่ $947-$968 และคาดว่าเป้าราคาที่ $952 ยังคงเป็นราคาทางเทคนิคที่สำคัญ ทิศทางตลาดดูเป็นตลาด Sideways ระหว่างแนวรับแนวต้าน ส่วนค่าเงินบาทในวันนี้แนวโน้มทรงตัวอยู่ในช่วงราคาเดิมกับเมื่อวาน ที่ระดับ ฿34.30-฿34.50
- ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะกลาง - Directional Index ระดับวันยังคงบ่งบอกว่าทิศทางโดยรวมของราคาทองคำยังดูบวกอยู่, RSI อยู่ที่ระดับ 71.522 ถือได้ว่าเป็นสัญญาณ overbought และทำให้ดูว่าทองคำควรปรับตัวลงปรับฐานต่ออีกเล็กน้อย, MACD อยู่ในแดนบวกและยังคงทำให้มองราคาทองคำระยะกลางเป็นขาขึ้นอยู่, Fast Stochastic ระดับวันอยู่ที่ระดับ Threshold และดูได้ว่าราคาอาจปรับตัวลงเล็กน้อย, ราคาที่ $935 และ $965 ยังคงเป็นแนวรับแนวต้านที่แข็งแกร่ง และหากราคาสามารถยืนอยู่เหนือ $952 ได้อีกระยะหนึ่งจะมีความเป็นไปได้ที่ราคาจะปรับบวกทะลุระดับ $965 ไปจนถึงระดับ High เดิมของปี ทิศทางตลาดระยะกลางดูเป็นบวก
ราคาทองคำยังคงอยู่เหนือ Bollinger Band 1 SD และยังทำให้ดุว่าเป็นทิศทางขาขึ้น ตลาดส่วนมากจะไม่มีทิศทาง ทว่าการทำกำไรในช่วงตลาดที่มีทิศทางสามารถทำได้สะดวกกว่าการทำกำไรในตลาด Sideways ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ Bollinger Band ยังสามารถบอกได้ว่าทิศทางขาขึ้นนี้จะหมดไปเมื่อไหร่ ซึ่งบอกได้เร็วกว่าเส้น Trend Line ซึ่งจะสามารถเห็นได้จากเมื่อราคาตัดเส้น Bollinger Band 1 SD จะสามารถบ่งชี้ได้ว่า ทิศทางขาขึ้นได้หมดไป
สรุป - ราคาที่ $935 และ $965 ยังคงเป็นแนวรับแนวต้านที่แข็งแกร่ง และหากราคาสามารถยืนอยู่เหนือ $952 ได้อีกระยะหนึ่งจะมีความเป็นไปได้ที่ราคาจะปรับบวกทะลุระดับ $965 ไปจนถึงระดับ High เดิมของปี ทิศทางตลาดระยะกลางดูเป็นบวก และราคาในสัปดาห์หน้าโดยรวมยังคงดูบวกอยู่ และการปรับฐานระยะสั้นได้ดูเหมือนจะหมดไป นักลงทุนควรจับตามองตัวเลข GDP Q1 ของสหรัฐ และสถานการณ์ของคาบสมุทรเกาหลี