“จะเด็ด” ปี 2006 เผยโฉม 26 มี.ค.นี้ ทาง โมเดิร์นไนน์ ทีวี

ข่าวทั่วไป Wednesday March 22, 2006 13:27 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 มี.ค.--โปรคอมมิวนิเคชั่นส์ แอนด์ คอนซัลแตนท์
ลุ้นระทึกผู้รับบท “จะเด็ด” ปี 2006 ในภาพยนตร์โทรทัศน์ฟอร์มยักษ์ “ผู้ชนะสิบทิศ” หลังจากแคมเปญ “ตามหาจะเด็ด” กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ กระหึ่มทั่วประเทศ ชายไทยนับหมื่นร่วมสมัครคัดเลือก ส่งผลกรรมการลำบากใจ เผยเด็กรุ่นใหม่บุคลิกดี คัด 20 คนส่งเข้าค่ายสุรสีห์ ฝึกเป็นนักรบ ดูหน่วยก้านขุนศึก พร้อมนับถอยหลัง เผยโฉม “จะเด็ด” พระเอกนักรบนักรักตัวจริง 26 มี.ค. นี้ เวลา 22.30 — 24.00 น. ทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี
อสมท จับมือกับ ท่านมุ้ย-ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล กลับมาสร้างความคึกคักให้กับวงการละครบ้านเราอีกครั้ง กับภาพยนตร์โทรทัศน์ฟอร์มยักษ์ “ผู้ชนะสิบทิศ” นวนิยายอมตะที่จะกลับมาพร้อมความยิ่งใหญ่ไม่เหมือนใคร เปิดมิติใหม่วงการละครโทรทัศน์ ด้วยโปรดักชั่น ฉาก และเทคโนโลยีอันทันสมัย เทียบเท่าภาพยนตร์ ด้วยทุนสร้างกว่า 100 ล้านบาท พร้อมเปิดแคมเปญ “ตามหาจะเด็ด” ชายไทยสูงสง่านัยน์ตาหวานหน่วยก้านกำยำ มาเป็นผู้รับบท “จะเด็ด” ปี 2006
วิโรจน์ ศรีสิทธ์เสรีอมร ผู้กำกับมือทองด้านละครประวัติศาสตร์ กล่าวว่า “จะเด็ดเป็นตัวละครที่มีความฝังใจกับคนดูมาหลายยุคหลายสมัยมาก เลยคิดว่าน่าจะให้คนดูมีส่วนร่วมในการสรรหาจะเด็ดในยุค 2006 เพื่อที่จะได้ “จะเด็ด” ที่ไม่เป็นผลลบต่อวรรณกรรม สุดท้ายเลยตัดสินใจประกาศออกสาธารณชน เพื่อ “ตามหา จะเด็ด“ ในความคิดผม จริงๆ ไม่ได้มองเรื่องหล่อหรือไม่หล่อ กลับมองว่าจะเด็ดเป็นเด็กธรรมดาคนหนึ่ง ที่มีความรับผิดชอบกล้าทำในสิ่งที่ตัวเองเชื่อมั่นว่าถูก ผมถือว่านั่นเป็นเสน่ห์ของจะเด็ดในมุมของผม” จุดเด่นของจะเด็ดยุคนี้คือ ผมอ่านนวนิยายของยาขอบในพ.ศ.นี้ ผมก็จะมองในมุมของคนในพ.ศ.นี้ เอามาเปรียบเทียบกับสังคมปัจจุบัน ผมกำหนดการเริ่มชีวิตของจะเด็ดตอนอายุ 15 ปี ถือว่าเป็นวัยรุ่นมาก จะเด็ดของผมจึงเป็นวัยรุ่นในยุค 500 ปีที่แล้ว จากนั้นผมก็เอามาเปรียบเทียบกับวัยรุ่นสมัยนี้อายุ 15 ปีเท่ากัน เพื่อเป็นแรงสะท้อนความเป็นมนุษย์ของตัวละคร ผมชอบผู้ชนะสิบทิศตรงที่ว่าจุดมุ่งหมายของเขามุ่งประเด็นที่ว่า เกิดมาเราได้ทำอะไรเพื่อตอบแทนบุญคุณแผ่นดินบ้าง โดยจุดมุ่งหมายคือการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ยิ่งชีวิต และประเด็นที่ว่า จะเด็ดเป็นเด็กเขาได้ทำอะไรให้แผ่นดินจนกระทั่งมาเป็นผู้ชนะสิบทิศได้ ผมว่าตรงนี้น่าจะเป็นกระจกเงาสะท้อนและเป็นแรงผลักดันให้วัยรุ่นยุคนี้ได้ทำอะไรเพื่อแผ่นดินตัวเองบ้าง นี่คือจุดที่อยากจะทำให้เป็นมุมของพ.ศ.นี้
สำหรับขั้นตอนการคัดเลือกถือว่าสำคัญมาก มีการประกาศรับสมัครอย่างโปร่งใส เพื่อเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้เข้ามาแสดงความสามารถอย่างเต็มที่ โดยคัดเลือกจากรูปผู้ที่สมัครเข้ามาทางไปรษณีย์นับหมื่นคนเหลือ 300 คน คัดเหลือ 50 คน และ 20 คนสุดท้าย สละสิทธิ์ไป 2 คนเพราะติดภารกิจ ซึ่ง 18 คนสุดท้ายได้พามาเก็บตัวเรียนการแสดงกับครูเล็ก-ภัทราวดี มีชูธน เรียนอาวุธโบราณกับสำนักพุทธไธยสวรรค์ และฝึกขี่ม้า-ช้างกับครูฝึกที่ฝึกซ้อมให้กับนักแสดงเรื่อง “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช” “ตลอดระยะเวลาที่มีการเก็บตัวฝึกซ้อมการแสดง ผมประทับใจน้องๆ เขาที่มีความตั้งใจมีพัฒนาการ ที่เร็วมาก ทั้งขี่ม้า ฟันดาบ รำทวน ทุกคนอยู่ในมาตรฐานที่ทำงานได้ มีความรับผิดชอบดีมาก บางทีบอกให้พักก็ไม่ยอมพักอยากซ้อมต่อ ถ้าได้นักแสดงแบบนี้ถือว่าสุดยอด ถึงตอนนี้ไม่ว่าใครได้เป็นจะเด็ดผมก็สบายใจ ทุกคน เราสามารถทำงานกับเขาได้สบาย แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องนี้เรื่องอื่นเราก็อาจจะร่วมงานกับเขาได้ หากให้คะแนนผมให้ความสามารถทุกคน 80 % อีก 20 % เป็นบุคลิกความชอบส่วนตัว ซึ่งเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการและประชาชนเป็นผู้ตัดสิน”
ขณะที่หนุ่มหล่อตาหวานทั้ง 18 คนที่ได้รับการฝึกซ้อมอย่างหนักท่ามกลางแสงแดดร้อนแรงที่ค่ายสุรสีห์ จังหวัดกาญจนบุรี ต่างพากันบอกว่า ไม่ย่อท้อ สู้สู้ สู้ตาย ถึงแม้จะไม่ได้รับการคัดเลือกเป็นจะเด็ดก็ไม่เสียใจ ดีใจและก็ภูมิใจสุดๆ แล้วกับการได้มีส่วนร่วมในครั้งนี้
JD 2 - นายวรินทร ปัญหกาญจน์ (เกรท) “ได้เป็น 1 ใน 20 คนก็รู้สึกดีใจแล้ว ฝึกซ้อมไม่ยาก ผมเคยเรียนดาบสากลครับ เพื่อนตอนนี้เราสนิทกันมาก ถ้าเพื่อนๆได้ก็ดีใจด้วย ส่วนผมก็ไม่เสียใจมาก แต่ยังเคยหวังว่าจะได้ แต่ถ้าไม่ได้จริงๆก็ไม่เป็นไร ผมถือว่าผมได้อะไรหลายอย่างจากตรงนี้ ที่มาแบบนี้ผมไม่กดดัน เพราะมาแข่งกับตัวเองมากว่า ต้องเอาชนะใจตัวเองให้ได้ ผมไม่เคยท้อถึงขนาดที่ไม่สู้ไม่ไหวแล้วเลย แต่เรื่องเหนื่อยมี แต่พักก็หายครับ”
JD 5 — นายปอง ยวกุล (ปอง) “ผมขี่ม้าตอนเป็นเด็กอยู่ ม.3 ม.4 ที่เชียงใหม่ ตอนนี้ก็ 10 ปี แล้วที่ไม่ได้ขี่ พอได้กลับมาจับก็รู้สึกดี แล้วตอนเด็กๆผมก็เคยเรียนมวยไชยามา เคยเรียนพลอง เรียนมวย เรียนดาบมา เลยทำให้การฝึกซ้อมเป็นไปได้เร็วขึ้นเพราะพื้นฐานที่พอมีอยู่บ้าง ผมศึกษาประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวกับเรื่องของจะเด็ดจากผู้ใหญ่ ครูมวยของผมเป็นคนเล่าให้ฟังเป็นฉากๆเลยครับ เลยทำให้มีพื้นฐานพอสมควร โดยจากการได้ฟังผมคิดว่าจะเด็ดเป็นคนที่หน้าตารูปร่างดี แล้วก็เป็นคนที่เก่งฉลาด คนที่ฉลาดจะมีศิลปะในการพูดดี เป็นนักรบ เป็นสุภาพบุรุษมาก ส่วนมากจะมีผู้หญิงมาก ไปที่ไหนก็มีผู้หญิงที่นั้น แต่การที่มีผู้หญิงชอบเพราะจะเด็ดเป็นสุภาพบุรุษ ไม่ได้เป็นนักเลง”
JD 12 — นายณัฐวุฒิ สิงหอำพล (นัท) “ดีใจมากครับพี่ พอพี่เขาโทรไปผมก็ตกใจมากครับ ผมงงๆ ผมก็คิดว่าได้ได้ยังไง เพราะผมไม่ได้ส่งรูปไป แล้วแม่ผมก็บอกว่าแม่เป็นคนส่งรูปไปเอง แม่ผมเป็นเจ๊ดันตัวจริงครับ การฝึกซ้อมผมว่ายังไม่หนักมากนะครับ เพราะผมเคยเรียน รด. มา ผมจึงผ่านการฝึกลักษณะแบบนี้มาก่อนครับ ถ้าการคัดเลือกครั้งนี้ผมตกรอบ ไม่เสียใจครับ เพราะการที่ผมได้เข้ามาถึงตรงนี้ผมก็ได้อะไรที่มากมายแล้ว มันเป็นประสบการที่ดีครับทั้งเรื่องของการแสดง การขี่ช้าง ขี่ม้า รำพลอง เพราะหากผมไม่ได้เข้ามาตรงนี้ผมก็คงไม่มีโอกาสที่จะทำเหล่านี้ได้”
วิโรจน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “เรื่องผู้ชนะสิบทิศนี้เป็นเรื่องที่สมบูรณ์ที่สุด ท่านมุ้ย-มจ.ชาตรีเฉลิม ยุคล บอกเสมอว่าเรื่องผู้ชนะสิบทิศเป็น “ภาพยนตร์โทรทัศน์” ที่แตกต่างจากยุคอื่น เพราะว่าเราใช้ระบบทางภาพยนตร์มาใช้ในการทำงาน ละครจะใช้การถ่ายทำในสตูดิโอไม่มีการตัดต่อ แต่ภาพยนตร์โทรทัศน์มีอะไรที่เหมือนหนังมากกว่า เพียงแต่ไม่ได้ถ่ายด้วยฟิล์มเท่านั้น พลาดไม่ได้ครับ ท่านผู้ชม ความประณีตเริ่มต้นตั้งแต่การตามหา จะเด็ดแล้วครับ 26 มี.ค. เวลา 22.30-24.00 น. ทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี
ร่วมเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่จะได้รับบทบาทของ “จะเด็ด” นักรบนักรักของเรานะครับ และในวันเดียวกันนี้สามารถรับชมการประมวลภาพเบื้องหลังการฝึกซ้อมของผู้เข้ารอบทั้ง 18 คน เวลา 11.30-12.00 น. ทางรายการ ไนน์วีคเอ็น
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ