กรุงเทพฯ--1 มิ.ย.--คต.
ประเทศกวมเป็นดินแดน (Territory) ของสหรัฐฯ โดยมีผู้นำสูงสุดเป็นระดับผู้ว่าการ (Governor) มีประชากรประมาณ 180,000 คน โดยเป็นประชากรที่มีกำลังซื้อสูง (GDP per capita = $15,000) ซึ่งขณะนี้สหรัฐฯ ได้ลงนามในการทำสัญญาเคลื่อนย้ายฐานทัพทั้งหมด (จำนวนทหาร 8,000 คน พร้อมครอบครัว) จากเกาะโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น เพื่อมาตั้งที่กวมในปี 2553 ทั้งนี้ สหรัฐฯ ได้ตั้งงบประมาณในการเคลื่อนย้ายฐานทัพนี้ไว้ 15 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ก่อให้เกิดโอกาสทางการค้า การลงทุน ทั้งในด้านการก่อสร้าง (วัสดุก่อสร้าง เช่น ปูนซีเมนต์ และแรงงาน) อาหาร และการบริการ (รายได้ร้อยละ 95 มาจากภาคการท่องเที่ยว)
อย่างไรก็ดี มาตรฐานสินค้าที่ขายในกวมเป็นมาตรฐานเดียวกันกับที่ใช้ในสหรัฐฯ ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยที่จะส่งสินค้าไปขายต้องเตรียมมาตรฐานให้ได้เช่นเดียวกันกับในสหรัฐฯ
สำหรับประเทศปาเลา ซึ่งอยู่ห่างจากฟิลิปปินส์ (มะนิลา) ประมาณ 2 ชั่วโมง เป็นประเทศ เอกราชที่มีประธานาธิบดีเป็นผู้นำสูงสุด มีประชากรประมาณ 20,000 คน ระบบเศรษฐกิจพึ่งพา การท่องเที่ยวเป็นหลัก (เป็นแหล่งดำน้ำลึกระดับโลก) นอกจากนี้ ประธานาธิบดีของปาเลาเปิดโอกาสให้ใบอนุญาตกับนักลงทุนต่างชาติเข้าไปทำประมงในน่านน้ำได้ และน่านน้ำบริเวณปาเลา-ฟิลิปปินส์-กวมนี้ มีความอุดมสมบูรณ์ทางด้านนิเวชวิทยา มีปลาทูน่า (Yellow Fin) ซึ่งเป็นปลาเศรษฐกิจที่สำคัญ
ซึ่งในปัจจุบันการทำการประมงของไทยมีอยู่บริเวณน่านน้ำอินโดนีเซียและติมอร์ และหากไทยสามารถทำการขยายการจับปลาไปถึงบริเวณน่านน้ำปาเลา-ฟิลิปปินส์-กวมได้นั้นจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับอุตสาหกรรมประมงของไทยเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าเรือประมงไทยยังมีข้อจำกัดในเรื่องความสามารถในการจับปลาโดยเฉพาะปลาในแหล่งน้ำลึก เช่น ปลาทูน่า Yellow Fin แต่ในขณะนี้ กรมประมงได้มีโครงการเพิ่มพูนทักษะ และความเชี่ยวชาญให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมประมงเพื่อส่งเสริมให้มีการจับปลาทูน่าทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ