กรุงเทพฯ--2 มิ.ย.--สปาร์ค คอมมิวนิเคชั่นส์
วันนี้สายการบินเอมิเรตส์นำเครื่องบินจัมโบ้แอร์บัส A380 จำนวน 2 ลำมาเสริมทัพให้บริการทั้งซีกโลกตะวันตกและตะวันออก โดยเครื่องบินดังกล่าวนับเป็นเครื่องบินรุ่น A380 ลำแรกของโลกที่ให้บริการที่กรุงเทพฯ และเมืองโตรอนโต
การเปิดให้บริการเครื่องแอร์บัส A380 โดยเป็นเที่ยวบินตรงจากดูไบสู่กรุงเทพฯ ทุกวัน และเที่ยวบินตรงจากดูไบสู่โทรอนโตสัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน ถือเป็นนิมิตหมายอันดีสำหรับการเปิดโลกการเดินทางสู่ประเทศไทยและแคนาดาด้วยประสบการณ์การเดินทางอันหรูหราแบบใหม่ อีกทั้งยังแสดงถึงก้าวต่อไปของการให้บริการด้วยเครื่องบิน A380 ของสายการบินเอมิเรตส์
เที่ยวบิน EK 372 ออกจากเทอร์มินอล 3 ซึ่งนับเป็นบ้านหลังใหม่ของสายการบินเอมิเรตส์ ณ ท่าอากาศยานนานาชาติดูไบเวลา 9.40 น.* พร้อมผู้โดยสารทั้งหมด 432 ท่าน และไปถึงยังที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิเวลา 19.00 น.* พร้อมได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากรัฐบาลไทย
เที่ยวบิน EK 241 ออกเดินทางจากดูไบ พร้อมด้วยผู้โดยสาร 488 คน เพื่อไปยังเมืองโตรอนโต โดยนับเป็นเครื่องบินพาณิชย์แอร์บัส A380 ลำแรกที่ได้สัมผัสแผ่นดินของประเทศแคนาดาในเวลา 15.45 น.*
ในโอกาสนี้ ผู้บริหารระดับสูงของสายการบินเอมิเรตส์จะร่วมเดินทางมากับเที่ยวบินแรกของเครื่องบินแอร์บัส A380 ที่มาถึงกรุงเทพฯในครั้งนี้ด้วย ซึ่งนำโดย มร. ริชาร์ด วอน รองประธานอาวุโส ฝ่ายปฏิบัติการพาณิชย์ระดับโลกของสายการบินเอมิเรตส์ มร. ริชาร์ด จิวส์เบอรี่ รองประธานอาวุโส ฝ่ายปฏิบัติการพาณิชย์ ภูมิภาคตะวันออกไกลและออสตราเลเชีย โดยเมื่อเครื่องบินแอร์บัส A380 มาถึงยังท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และตัวแทนของสายการบินเอมิเรตส์ที่ประเทศไทย ซึ่งนำโดย มร. คาลิด บาร์ดาน ผู้จัดการประจำประเทศไทยและอินโดจีน นอกจากนั้นยังรวมถึงคณะสื่อมวลชน พันธมิตรทางการค้าและบุคคลสำคัญในคณะรัฐบาลที่ให้การต้อนรับกันอย่างพร้อมเพรียง
เครื่องบินแอร์บัส A380 เป็นเครื่องบินรุ่นเดียวในโลกที่มี 2 ชั้น มีทางเดินระหว่างที่นั่ง 4 แถว และมีที่นั่งมากกว่าเครื่องบินรุ่นที่ใกล้เคียงกันของคู่แข่งถึง 35% อีกทั้งยังเป็นเครื่องบินพาณิชย์ที่พัฒนาให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้ดีที่สุดในน่านฟ้าปัจจุบัน โดยสามารถประหยัดพลังงานได้มากกว่ามากกว่ารถยนต์แบบไฮบริดส่วนใหญ่อีกด้วย เครื่องบิน A380 ใช้พลังงานน้อยกว่าเครื่องบินรุ่นที่ใหญ่ที่สุดถัดไปรองจาก A380 ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ต่อที่นั่ง อีกทั้งยังเงียบกว่า และส่งเสียงรบกวนน้อยกว่าครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับเครื่องบินรุ่นอื่นๆ ในขณะเครื่องบินขึ้น
มร. ริชาร์ด กล่าวว่า “สายการบินเอมิเรตส์รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เฉลิมฉลองการเปิดตัวเครื่องแอร์บัส A380 เป็นครั้งแรกสู่ประเทศไทยในวันนี้ โดยเครื่องบินรุ่นนี้ที่สามารถให้บริการผู้โดยสารได้จำนวนมากและให้ความคุ้มค่าทางธุรกิจสูงนับเป็นส่วนสำคัญหลักในการเติบโตของเรา ทั้งสำหรับสายการบินเองและเส้นทางที่ให้บริการ การเปิดตัวเครื่องบินซูเปอร์จัมโบลำนี้ ยังช่วยสนับสนุนแผนของรัฐบาลไทยมูลค่าหลายล้านเหรียญสหรัฐในการกระตุ้นการท่องเที่ยวจากตลาดในภูมิภาคตะวันออกกลางที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มสูงขึ้น
การต้อนรับเครื่องบิน A380 ของสายการบินเอมิเรตส์ นับเป็นการพัฒนาในทางบวกสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย โดยคุณชัยศักดิ์ อังค์สุวรรณ รองปลัดกระทรวงคมนาคมกล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่สายการบินเอมิเรตส์เลือกให้กรุงเทพฯ เป็นจุดหมายปลายทางแห่งแรกของเครื่องบิน A380 ในภูมิภาคตะวันออกไกล โดยปัจจุบันเราต้องการประชาสัมพันธ์ให้ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนวันหยุดในฝันของนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลาง ซึ่งมีนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคดังกล่าวเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยจำนวนมาก และพักอยู่ในประเทศไทยเฉลี่ยนาน 9 วัน อีกทั้งยังใช้จ่ายเงินมากกว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี เรามีความยินดีที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับสายการบินเอมิเรตส์ในการพัฒนาการท่องเที่ยวจากภูมิภาคตะวันออกกลางให้เติบโตยิ่งขึ้น
ถึงแม้ว่าจะเผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน จำนวนนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้น5.7% โดยนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่เพิ่มขึ้นถึง 99.46% ในเดือนมกราคม ปี 2552 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
มร. ริชาร์ดกล่าวเสริมว่า “การเดินทางโดยเครื่องบินจะเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่าในช่วง 18 ปีข้างหน้า และข้อจำกัดทางสิทธิทางการจราจรและตารางบินจะส่งผลให้เครื่องบิน A380 ซึ่งรองรับผู้โดยสารได้มากกลายเป็นกุญแจสำคัญในแผนของสายการบินเอมิเรตส์ที่จะสนองตอบความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้โดยสารได้ โดยเราได้สั่งเครื่องบิน A380 จำนวนทั้งสิ้น 58 ลำ และได้วางแผนเป็นอย่างดีในการนำเครื่องบินแต่ละลำมาให้บริการทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ซึ่งจุดหมายปลายทางต่อไปของเครื่องบิน A380 คือกรุงโซล ประเทศเกาหลี ในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ โดยจะเป็นเครื่องบิน A380 ลำแรกของสายการบินเอมิเรตส์ในตอนเหนือของภูมิภาคตะวันออกไกล
เครื่องบิน A380 ของสายการบินเอมิเรตส์ ประกอบไปด้วยห้องสวีทส่วนตัวในชั้นหนึ่งจำนวน 14 ห้อง, ที่นั่งในชั้นธุรกิจจำนวน 76 ที่นั่ง และที่นั่งในชั้นประหยัดจำนวน 399 ที่นั่ง โดยเครื่องบินลำนี้เป็นนวัตกรรมแห่งการบินล่าสุด พร้อมด้วยเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายภายในเครื่องจากบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ สิ่งที่พิเศษเป็นอย่างยิ่งคือห้องอาบน้ำแบบสปา 2 ห้องสำหรับบนเครื่องผู้โดยสารชั้นหนึ่งที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการอาบน้ำอย่างครบครัน นอกจากนั้นยังมีพื้นที่สันทนาการของผู้โดยสารชั้นหนึ่งและธุรกิจ ที่ให้บริการบาร์เครื่องดื่มพร้อมของว่างอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมพื้นที่สำหรับการสังสรรค์หรือการพักผ่อนหย่อนใจ
ผู้โดยสารของเครื่องบิน A380 สามารถเพลิดเพลินไปกับเมนูอาหารที่รังสรรค์โดยเชฟชื่อดังระดับนานาชาติ พร้อมทั้งเครื่องดื่มชั้นเยี่ยมมากมาย นอกจากนี้ ระบบความบันเทิง “ไอซ์” (ice - Information, Communication, Entertainment) ซึ่งเป็นระบบที่ให้ข้อมูลข่าว การสื่อสาร และความบันเทิงที่ได้รับรางวัลต่างๆการันตีมากมาย โดยมีช่องต่าง ๆ ให้เลือกชมกว่า 1,000 ช่อง ซึ่งนับเป็นระบบที่ให้ช่องความบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน นอกจากนี้ภายในห้องผู้โดยสารยังมีระบบปรับแสงไฟตามเวลาที่ทันสมัย ที่รวมถึงแสงดาวบนเพดานเวลากลางคืน ซึ่งสามารถปรับแสงให้ตรงตามเวลาของเส้นทางที่บินไปถึง และเพื่อลดการอ่อนเพลียจากการเดินทางด้วยเครื่องบินเป็นเวลานาน
ที่นั่งของผู้โดยสารชั้นหนึ่งสามารถปรับนอนราบได้ พร้อมด้วยระบบนวดในตัว ส่วนผู้โดยสารชั้นธุรกิจซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 76 ที่นั่งก็จะได้เพลิดเพลินไปกับที่นั่งแบบใหม่ที่สามารถปรับนอนราบได้เช่นกัน พร้อมระบบนวดในตัว และทางเดินระหว่างที่นั่งที่กว้างขวาง ในขณะเดียวกัน ผู้โดยสารชั้นประหยัดก็จะสามารถรู้สึกได้ถึงพื้นที่ที่กว้างขวางขึ้นจากผนังที่ออกแบบมาให้ตรงราบเรียบตลอดห้องโดยสาร อีกทั้งช่องทางเดินระหว่างเก้าอี้โดยสารที่กว้างขึ้นอีกด้วย
จากซ้ายไปขวา: คุณเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มร. ริชาร์ด วอน รองประธานอาวุโส ฝ่ายการปฏิบัติงานเชิงพาณิชย์ เวิล์ดไวด์ ของสายการบินเอมิเรตส์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คุณวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คุณชัยศักดิ์ อังค์สุวรรณ รองปลัดกระทรวงคมนาคม
เกี่ยวกับสายการบินเอมิเรตส์
สายการบินเอมิเรตส์ให้บริการเที่ยวบินสู่ประเทศไทยมานานกว่า 18 ปี ปัจจุบันจากกรุงเทพฯ เอมิเรตส์ให้บริการ 21 เที่ยวบินไป-กลับต่อสัปดาห์สู่ดูไบ, 7 เที่ยวบินไป-กลับต่อสัปดาห์สู่ฮ่องกง และ 7 เที่ยวบินไป-กลับต่อสัปดาห์สู่ซิดนีย์และไครสต์เชิร์ช สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชมเวปไซต์ที่ www.emirates.com/th หรือติดต่อสำนักงานที่กรุงเทพฯ หมายเลข 02-664-1040-4
สื่อมวลชน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
บารนี อุปลา หรือ วรางคณา พวงศิริ
สปาร์ค คอมมิวนิเคชั่นส์
โทรศัพท์: 0-2653-2717-9 โทรสาร 0-2653-2720
อีเมล์: warangkana@spark.co.th, kaew@spark.co.th
เวปไซต์: www.emirates.com/th