กรุงเทพฯ--5 มิ.ย.--วีม คอมมูนิเคชั่น
ข่าวใหญ่ที่สร้างความผันผวนให้กับราคาทองคำในช่วงนี้คงต้องยกให้กับการปรับตัวขึ้นลงของกองทุน ETF SPDR Gold Trust โดยเมื่อต้นสัปดาห์ได้มีการปรับเพิ่มการถือครองขึ้นถึง 15.27 ตันหรือประมาณ 1.36% มาอยู่ที่ระดับ 1,134.03 ตัน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดใหม่ของ ETF SPDR Gold Trust แต่เมื่อถึงกลางสัปดาห์กลับปรับลดการถือครองลงมา -1.53 ตัน รวมถือทองคำไว้ทั้งสิ้น 1,132.50 ตัน เทียบเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3.55 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 36.4 ล้านออนซ์ การปรับตัวขึ้นลงของกองทุน ETF ที่ใหญ่ที่สุดของโลกถือเป็นอุปสงค์ทองคำที่สำคัญมาก เนื่องจากทิศทางการถือทองของกองทุน ETF ถือเป็นทัศนคติและมุมมองของนักลงทุนในทองคำจำนวนมากของโลก
ต่อกันที่ความผันผวนอย่างหนักของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่ส่งผลกระทบไม่น้อยต่อราคาทองคำ โดยปัจจัยที่ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้นคือ การที่นายทิมโมที่ ไกท์เนอ รมว. คลังสหรัฐได้ออกมาพูดปกป้องเงินดอลลาร์สหรัฐที่ประเทศจีน ถือเป็นปัจจัยที่เพิ่มความมั่นใจต่อนักลงทุนในการถือครองสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐในช่วงนี้ ทว่าไม่ใช่การแข็งค่าจากปัจจัยพื้นฐานมากนัก อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้น คือการที่จีน, ญี่ปุ่น, อินเดีย และเกาหลีใต้กล่าวต่อรอยเตอร์ว่าธนาคารกลางในประเทศทั้ง 4 ซึ่งครอบครองทุนสำรองเงินตราต่างประเทศราวครึ่งหนึ่งของโลก จะยังคงซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐต่อไป ถึงแม้มีการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐจากการขาดดุลงบประมาณก็ตาม การกล่าวในครั้งนี้ช่วยยับยั้งแรงเทขายดอลลาร์ หลังจากดัชนีดอลลาร์ที่มีการถ่วงน้ำหนักทางการค้าเพิ่งร่วงลงสู่จุดต่ำสุดของปีนี้ และร่วงลงมาแล้วกว่า 7% นับตั้งแต่ต้นเดือนพ.ค. เทรดเดอร์มองว่าการแสดงความเห็นในครั้งนี้เป็นการสนับสนุนสินทรัพย์ในรูปสกุลเงินดอลลาร์ และเป็นผลทำให้ทองคำอ่อนตัวลงอีก และอีกปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้กันคือ การที่เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดว่าจะเห็นการขยายตัวทางเศรษฐกิจในเชิงบวกปลายปีนี้ แต่จะยังไม่ใช่การขยายตัวที่แข็งแกร่ง โดยอัตราการว่างงานจะยังขยับสูงขึ้นต่อไปและยังไม่มีแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อในระยะใกล้นี้ ขณะเดียวกันก็กำลังพยายามลดการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐลง พร้อมๆ กับรักษาระดับการบริโภคมวลรวมให้มีเสถียรภาพเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป การที่ประธาน FED พูดในเชิงว่าสหรัฐยังคงไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องเงินเฟ้อ และแสดงจุดยืนถึงความพยายามที่จะลดการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐ ได้ทำให้ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นอย่างมาก และส่งผลทำให้ทองคำปรับตัวลง
ส่วนปัจจัยลบต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ เห็นจะเป็นความวิตกเกี่ยวกับการก่อหนี้สินเพิ่มขึ้นเพื่อลดยอดขาดดุลงบประมาณที่สูงเป็นประวัติการณ์ของสหรัฐที่ 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ รวมทั้งการที่โฆษกประธานาธิบดีของรัสเซียให้ข่าวว่ารัสเซียกำลังหารือกับประเทศบราซิล อินเดียและจีนในการใช้เงินสกุลอื่นแทนเงินดอลลาร์ในการค้าขายระหว่างประเทศ ยิ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐลดลง
ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าในสัปดาห์ที่ผ่านมา ปิดขยับขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังค่าเงินดอลลาร์ที่ร่วงลง ท่ามกลางอุปสงค์จากเอเชียที่ไต่ขึ้นอย่างแข็งแกร่ง บวกกับปริมาณสำรองน้ำมันดิบสหรัฐที่ลดลงและตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ ญี่ปุ่นและอินเดียที่ออกมาดี ได้สร้างความเชื่อมั่นให้ตลาดเพิ่มขึ้น โดยการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันเป็นปัจจัยที่ช่วยเพิ่มความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และช่วยเพิ่มอุปสงค์ให้นักลงทุนถือทองมากขึ้นเพื่อใช้ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อมากขึ้น สำหรับวันศุกร์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน ก.ค.ปิดพุ่งขึ้นแรง +$2.69 มาที่ $68.81 ต่อบาร์เรล หลังตัวเลขล่าสุดของสหรัฐได้เรียกความเชื่อมั่นเรื่องการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจกลับมาได้บ้าง + บริษัทโกลด์แมน แซคส์ปรับขึ้นตัวเลขคาดการณ์ราคาน้ำมันช่วงสิ้นปี 2009 โดยคาดว่าราคาน้ำมันอาจอยู่ที่ 85 ดอลลาร์/บาร์เรล จากเดิมที่คาดว่าอยู่ที่ 65 ดอลลาร์ และโกลด์แมนยังคาดการณ์อีกด้วยว่าราคาน้ำมันช่วงสิ้นปี 2010 อาจอยู่ที่ 95 ดอลลาร์ ทำให้เชื่อว่าเงินเฟ้อจะกลับมาเร็ว จึงได้กลับมาซื้อน้ำมันและทองคำเพิ่มขึ้น ขณะที่เช้านี้ราคาน้ำมันขยับขึ้นอีกเล็กน้อย มาที่ $68.89 ต่อบาร์เรล
- ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะสั้น — ADX 30 นาที ต่ำกว่า 20 บ่งบอกว่าตลาดระยะสั้นขาดทิศทางที่ชัดเจน, กราฟ MACD 30 นาทีอยู่ในแดนบวกบ่งบอกถึงทิศทางขาลง ทว่าเส้น MACD ได้ตัดเส้น Trigger จากด้านบนและ MACDF อยู่ในแดนลบ ทำให้ราคาอาจปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในช่วงต้นของวัน, Fast Stochastic ดูลงเล็กน้อยในช่วงนี้, RSI 30 นาทีอยู่ที่ระดับ 47.70 ถือเป็นระดับกลางๆและไม่มีสัญญาณ oversold หรือ overbought, แนวรับแนวต้านของวันอยู่ที่ $966-$987 ทิศทางตลาดระยะสั้นดูเป็นตลาด Sideways-down ระหว่างแนวรับแนวต้าน ส่วนค่าเงินบาทในวันนี้แนวโน้มทรงตัวอยู่ที่ระดับ ฿34.00-฿34.30
- ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะกลาง - Directional Index ระดับวันยังคงบ่งบอกว่าทิศทางโดยรวมของราคาทองคำยังดูบวกอยู่, RSI อยู่ที่ระดับ 64.397 และยังถือเป็น Neutral, MACD อยู่ในแดนบวกและยังคงทำให้มองราคาทองคำระยะกลางเป็นขาขึ้นอยู่, Fast Stochastic ระดับวันเคลื่อนตัวลง และดูได้ว่าราคาอาจปรับตัวลงเล็กน้อย, ทิศทางตลาดระยะกลางยังคงดูเป็นบวก โดยจะใช้แนวต้านเดิมที่ Fibo 61.8% ที่ $952 เป็นแนวรับที่สำคัญต่อไป และแนวต้านราคาระยะกลางยังอยู่ที่ $1,000
กลยุทธ์และคำแนะนำ
หากนักลงทุนต้องการเล่นระยะสั้นและรับความเสี่ยงได้สูงให้เล่น Long โดยคาดว่าทองคำจะปรับตัวขึ้นต่อไปจนถึง High เดิมที่ $1,000 โดยปรับฐานเพียงเล็กน้อย หากต้องการเล่นระยะสั้นและรับความเสี่ยงได้ต่ำให้เล่น Range Trading ระหว่างแนวรับแนวต้านที่ $966-$987 ทว่าหากต้องการเล่นระยะกลางและรับความเสี่ยงได้สูงให้ท่านเล่น Short หวังทำกำไรจากการ Correction หากต้องการเล่นระยะกลางและรับความเสี่ยงได้ต่ำให้รอดูทิศทางตลาดหลังช่วง Consolidation อีกระยะหนึ่ง
ข้อมูลจาก YLG ศูนย์รับซื้อ-ขายทองคำแท่ง มาตรฐาน LBMA 653/14 ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ (ปากซอย 9) แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120 Tel: 0-2287-1155, 0-2677-5520 Fax: 0-2677-5512 www.ylgbullion.com